ซั่งไห่อีสต์/เดลิเมล์ - ยอดคุณแม่ผู้มีอันต้องสูญเสียบุตรสาววัย 29 ปี ลูกคนเดียวที่มีอยู่ ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวว่า จะต้องมีลูกอีกครั้งให้ได้ และนางก็ทำสำเร็จ โดยให้กำเนิดทารกฝาแฝด เมื่อายุได้ 60 ปี
เซิ่ง ไห่หลินเผชิญกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ขณะนางเป็นหญิงอายุกลางคน ที่พ้นวัยเจริญพันธุ์ บุตรสาวเสียชีวิตในเหตุการณ์แก๊สพิษจากถ่านหินเมื่อต้นปี 2552 และนางไม่เหลือลูกอีกเลย ซึ่งเป็นผลจากนโยบายลูกคนเดียวของรัฐบาลจีน
เซิ่งปวดร้าวใจจนถึงขั้นคิดจบชีวิตตัวเอง และมักฝันว่า บุตรสาวกลับฟื้นขึ้นมาอีก
“ เธอเป็นความภาคภูมิใจของฉัน และเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ฉันมาจากครอบครัวทหาร ลูกเป็นคนเข้มแข็งมาก และว่านอนสอนง่าย” เซิ่งพูดถึงบุตรสาว
หลังจากบุตรสาวเสียชีวิตผ่านมาได้ 8 เดือน เซิ่งและสามีจึงได้ปรึกษากับแพทย์ ในที่สุดโรงพยาบาลทหารในเมืองเหอเฝยก็ตกลงทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ให้สองสามีภรรยา โดยมีการบำรุงร่างกายของแม่ให้แข็งแรงเสียก่อน
ในปี2553 เซิ่งก็คลอดลูกออกมา เป็นทารกหญิงฝาแฝด ซึ่งขณะนี้อายุได้ 3 ขวบแล้ว และเซิ่งกลายเป็นคุณแม่ ที่มีอายุมากที่สุดบนแดนมังกร
เซิ่งบอกว่า เธอและสามีต้องการให้ลูกแฝด “ ดำรงชีวิตอยู่ เพื่อปลดปล่อยตนเองจากความว้าเหว่"
“สำหรับฉันแล้ว ลูกแฝดเป็นเหมือนความต่อเนื่องของชีวิตลูกสาวคนโต ฉันอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีพวกเขา” นางเล่าถึงความรู้สึก
อย่างไรก็ตาม เมื่อมามีลูกน้อยในวัยชรา แทนจะได้หยุดพักผ่อน เซิ่งจึงต้องทำงานหนักกว่าเดิม เพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูกอย่างดีที่สุด และเก็บออมเงินไว้ให้ลูกใช้ในอนาคต
เซิ่งทำงานเป็นวิทยากรเกี่ยวกับสุขภาพ และด้วยวัย 64 ปี นางยังต้องตระเวนเดินทางไปบรรยายทั่วประเทศ และมีเวลาอยู่กับลูกไม่มากนัก โดยเดือนหนึ่งมีเวลาอยู่บ้านด้วยกันเพียง 4 หรือ 5 วันเท่านั้น
นับตั้งแต่จีนดำเนินนโยบายให้ประชาชนมีบุตรได้คนเดียวเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน มีครอบครัวราว 1 ล้านครอบครัวในจีน ที่สูญเสียทายาท ที่มีอยู่เพียงคนเดียว และคาดว่าจะมีเพิ่มอีก 4-7 ล้านครอบครัวในอีก 20-30 ปีข้างหน้า ซึ่งจะสร้างความลำบากแก่พ่อแม่ ที่แก่เฒ่า แต่ไร้บุตรดูแล
สำหรับเซิ่งนั้น นางต้องการมีอายุยืนยาวจนทันได้เห็นบุตรสาวทั้งสองเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่
“ ฉันจะพยายามมีชีวิตอยู่ให้ยืนถึง 104 ปีเพื่อลูก ไม่ว่าด้วยตัวฉันเอง หรือด้วยความช่วยเหลือทางวิทยาศาสตร์ก็ตาม ฉันคิดว่ามีทางเป็นไปได้ทีเดียว เพราะฉันเป็นแบบอย่างของผู้มีชีวิต ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว" นางเซิ่งกล่าวอย่างเชื่อมั่น