เอพี – ผู้เชี่ยวชาญเชื่อการที่ทางการจีนตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายลูกคนเดียวที่บังคับใช้มานาน 3 ทศวรรษ จะไม่ก่อกระแส “เบบี้บูม” ในแดนมังกรแต่อย่างใด บ้างก็มองแง่ดีว่า ขั้นตอนนี้อาจนำไปสู่การเลิกล้มมาตรการวางแผนครอบครัวอันเคร่งครัดและคืนสิทธิ์ในการเจริญพันธุ์ให้แก่ประชาชน
การประกาศของทางการจีนเมื่อวันศุกร์ (15) อนุญาตให้คู่สมรสที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นลูกโทนไม่มีพี่น้องเลย สามารถมีลูกคนที่ 2 ได้นั้น จะส่งผลต่อพ่อแม่ชาวจีนราว 15-20 ล้านคน กระนั้น ทั้งนักประชากรศาสตร์และผู้วางนโยบายไม่คาดว่า คำสั่งนี้จะมีผลให้ประชาชนแห่มีลูก เนื่องจากคนจีนรุ่นใหม่เลือกที่จะมีครอบครัวขนาดเล็กลง ซึ่งส่งผลให้อัตราเจริญพันธุ์ลดลงอยู่ที่ 1.5-1.6 คนต่อสตรี 1 คนในขณะนี้
หวัง เฟิง ศาสตราจารย์สังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเออร์ไวน์ ขานรับว่า มองไม่เห็นโอกาสที่จะเกิดกระแสเบบี้บูม โดยตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่คู่ครองชาวจีนที่ทั้งสองฝ่ายเป็นลูกโทนไม่มีพี่น้อง ได้รับอนุญาตให้มีลูกคนที่ 2 นั้น พวกเขาจำนวนมากก็เลือกมีลูกเพียงคนเดียวเหมือนเดิม
ตัวอย่างเช่น เซี่ย เกาหลง และภรรยา ซึ่งเป็นคู่ครองที่มีคุณสมบัติสอดคล้องได้รับการผ่อนปรนให้มีบุตรคนที่ 2 ตามนโยบายใหม่ล่าสุด แต่เซี่ยกลับบอกว่า ค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมทั้งการแย่งที่เรียนและแย่งงานกันทำ ทำให้เขาตัดสินใจว่า จะไม่มีลูกเพิ่ม
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า นโยบายใหม่จะส่งผลให้มีทารกเกิดใหม่ 1-2 ล้านคนต่อปีในช่วง 2-3 ปีแรก จากสถิติทารกแรกเกิดต่อปี 16 ล้านคนในปัจจุบัน
ทว่า ไจ้ หยง ผู้ช่วยศาสตราจารย์สังคมวิทยา มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา วิทยาเขตแชปเพิล ฮิลล์ เชื่อว่า ตัวเลขอาจต่ำกว่านั้น เนื่องจากคนจีนยุคนี้ยอมรับครอบครัวขนาดเล็กกันมากขึ้น
ในการสำรวจที่ไม่ได้อิงกับการสุ่มตัวอย่างอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ของเว็บไซต์ ซีน่า เว่ยป๋อ พบว่า กว่า 60% ของผู้ที่ระบุว่า ตนเองมีสิทธิ์ได้รับยกเว้นจากนโยบายลูกคนเดียว เผยว่าจะสนองตอบนโยบายใหม่ของรัฐบาล
ตัวอย่างเช่นผู้ที่ใช้นามว่า เมย์ จา ที่มีลูกวัย 3 ขวบและมีสิทธิ์ตามนโยบายใหม่ เธอบอกว่า มีแผนผลิตทายาทคนที่ 2 โดยเร็วที่สุด
กระนั้น ผู้เชี่ยวชาญไม่คิดว่า สถิติทารกแรกเกิดของจีนจะพุ่งขึ้นพรวดพราด เนื่องจากบางครอบครัวอาจมีปัญหาไม่พร้อมที่จะขยายเพิ่มสมาชิกในขณะนี้ หรือถึงต้องการมีลูกคนที่ 2 แต่ก็อาจไม่สมปรารถนาง่ายๆ
เห็นได้ชัดว่า ทางการปักกิ่งก็ไม่ต้องการให้สถิติการเกิดพุ่งขึ้นปุบปับเช่นเดียวกัน
หวัง เป่ยอัน รองผู้อำนวยการคณะกรรมการสาธารณสุขและการวางแผนครอบครัวแห่งชาติกล่าวว่า จีนเลือกขั้นตอนการเพิ่มแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้ เนื่องจากเล็งเห็นว่า นโยบายอนุญาตให้มีลูก 2 คนโดยปราศจากเงื่อนไข จะส่งผลให้จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมากและรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม นักประชากรศาสตร์บางคนแย้งว่า กระทั่งถ้าหากจะเลิกล้มนโยบายลูกคนเดียวไปเลย แต่อัตราเกิดของจีนจะไม่ท่วมทะลักแต่อย่างใด เนื่องจากพฤติกรรมการเจริญพันธุ์ของประชาชนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคน
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนเริ่มนโยบายวางแผนครอบครัวในทศวรรษ 1970 เพื่อควบคุมจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และบังคับใช้นโยบายลูกคนเดียวในปี 1980 กระทั่งเมื่อ 4 ปีที่แล้วจึงมีการผ่อนคลายนโยบายนี้ด้วยการอนุญาตให้ครอบครัวจำนวนมากมีบุตรคนที่ 2 ได้ เป็นต้นว่า คู่สามีภรรยาที่ต่างเป็นลูกโทนไม่มีพี่น้อง หรือครอบครัวในชนบทที่ลูกคนแรกเป็นผู้หญิง
นอกจากนี้ครอบครัวชาวจีนอีกหลายล้านยังยอมจ่ายค่าปรับหรือออกไปคลอดบุตรนอกประเทศเพื่อให้สามารถมีลูกเพิ่ม
สำหรับการผ่อนคลายกฎครั้งล่าสุดนั้น แม้ไม่มีแนวโน้มจัดการกับข้อกังวลด้านประชากรของจีนได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า เป็นขั้นตอนที่มีความหมายที่อาจนำไปสู่การยุติมาตรการวางแผนครอบครัวอย่างเคร่งครัดและคืนสิทธิ์ในการเจริญพันธุ์ให้แก่ประชาชน กล่าวคือหากมาตรการใหม่ไม่ทำให้สถิติทารกแรกเกิดพุ่งขึ้น ทางการปักกิ่งอาจมั่นใจมากขึ้นในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายการวางแผนครอบครัวนี้