จีนมั่นใจไร้เหตุขัดแย้งทางทหาร ให้เวลาญี่ปุ่น สหรัฐฯ ปรับตัวกับเขตป้องกันภัยทางอากาศ

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - สืบเนื่องจากการประกาศจัดตั้ง “เขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศ” (ADIZ) เหนือน่านน้ำทะเลจีนตะวันออกของกระทรวงกลาโหมแดนมังกร เมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน ซึ่งได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ กล่าวประณาม และเสียงท้าทายจากประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง รวมถึงคู่ปรับอีกฟากทวีปอย่างสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ดี บรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า รัฐบาลจีนมีความมั่นใจว่าปัญหาความตึงเครียดต่างๆ ที่กำลังปะทุขึ้นในภูมิภาคจะกลับสู่สภาวะปกติอย่างมั่นคง โดยปราศจากการใช้กองกำลังทหาร เพียงแต่อาจต้องให้เวลากับประเทศเพื่อนบ้านและสหรัฐฯ ได้ปรับตัวเข้ากับเขตป้องกันภัยทางอากาศของจีน

สือ อินหง ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยประชาชนจีน ระบุว่า วิธีสำแดงแสนยานุภาพทางการทหารคงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น เนื่องจากรัฐบาลของแต่ละประเทศล้วนไม่ต้องการสุ่มเสี่ยงกับภาวะไร้เสถียรภาพของภูมิภาค และจีนเองก็ดำเนินการจัดตั้งเขต ADIZ ด้วยความรอบคอบเชี่ยวชาญ เหตุนี้ชาติผู้เกี่ยวข้องจึงควรยอมรับการตัดสินใจครั้งนี้ของจีน

“นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมความขัดแย้งอันแท้จริงไม่ได้ปรากฏขึ้นมา เพราะทั้งสามฝ่าย ได้แก่ จีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ต่างสร้างตัวแปรเพื่อป้องกันการใช้กองกำลังทหาร … อย่างไรก็ตาม มันเป็นไม่ได้เช่นกันที่จะให้รัฐบาลจีนเพิกถอนการจัดตั้งเขตADIZ กลับคืน” ศาสตราจารย์สือกล่าว

ทว่ากระแสตำหนิคัดค้านยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อวันเสาร์ (7 ธ.ค.) นางจูลี บิชอพ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของออสเตรเลียซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนจีน ได้เมินเฉยคำเตือนของจีนที่ให้ระมัดระวังการพาดพิงประเด็นร้อนดังกล่าว

“ออสเตรเลียวิตกกังวลถึงความสงบสุขและความมั่นคงในภูมิภาค เราไม่อยากเห็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ไปมากกว่านี้” รมว.จูลี กล่าว

ทางด้าน หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน โต้กลับออสเตรเลียให้ตระหนักถึง “การบ่อนทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน” จากการวิพากษ์วิจารณ์เขต ADIZ ของจีน

ขณะที่นางมารี ฮาร์ฟ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนควรทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ รวมถึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เพื่อสร้างมาตรฐานความเชื่อมั่นและช่องทางสื่อสารฉุกเฉิน ตลอดจนเร่งลดความตึงเครียดทั้งหมดโดยเร็ว

จิน ชั่นหรง ผู้เชี่ยวชาญประจำสำนักวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยประชาชนจีน กล่าวว่า จีนเตรียมพร้อมรับมือทุกเสียงตอบรับหรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้าระหว่างเครื่องบินสู้รบของจีนและญี่ปุ่น หรือการก้าวเข้ามามีบทบาทของสหรัฐฯ ทุกๆ สิ่งจะยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีน

แม้ว่าล่าสุดเกาหลีใต้ได้เตรียมขยายขอบเขต ADIZ ของตนเองครอบคลุมพื้นที่หมู่เกาะข้อพิพาทก็ตาม โดยประธานาธิบดีปาร์ก กึน-ฮเย ซึ่งมีท่าทีกระตือรือร้นกระชับความสัมพันธ์กับจีนมากกว่าผู้นำรุ่นก่อนๆ ได้ประกาศแผนดำเนินงานร่วมกับสหรัฐฯ หลังพบปะหารือกับนายโจอี้ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ (6 ธ.ค.) ที่ผ่านมา