ASTVผู้จัดการออนไลน์--กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้ทำการทดสอบเที่ยวบินแรกของยานต่อสู้ไร้คนขับ และประสบความสำเร็จ ขึ้นแท่นประเทศที่สี่ ที่สามารถพัฒนาและผลิตยานต่อสู้ไร้คนขับ ซึ่งสามารถปฏิบัติการล่องหนปะมือกับคู่อริ เจริญรอยตามสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และอังกฤษ ชี้ยานฯล่องหนใหม่ล่าสุดนี้ จะช่วยจีนรับมือศึกพิพาทดินแดนในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก
สื่อแดนมังกรเผย จีนได้นำยานต่อสู้ไร้คนขับ ชื่อว่า “ลี่เจี้ยน” ซึ่งแปลตามหน้าศัทพ์คือ “ดาบคม” (利剑)ทำการทดสอบเที่ยวบินแรก เมื่อบ่ายวานนี้(21 พ.ย.) เป็นเวลาเกือบ 20 นาที การทดสอบบินเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้ประเทศจีนกลายเป็นประเทศที่ 4 ของโลก ที่มียานต่อสู้ไร้คนขับ ( Unmanned Combat Air Vehicle (UCAV))
สำหรับยาน UCAV ของเหล่าพี่เบิ้มแห่งวงการพัฒนาอาวุธในโลกตะวันตกที่พัฒนาออกมาก่อนหน้า ได้แก่ X-47B ของสหรัฐฯ, The nEUROn ของฝรั่งเศส, และ Taranis ของ อังกฤษ
ยานต่อสู้ไร้คนขับ (UCAV) นี้ เป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่าอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle (UAV)) สำหรับUAV มีภารกิจในการสอดแนม ส่วน UCAV เป็นยาน หรือโดรนที่สามารถหลบหลีกเรดาร์ตรวจจับ (Stealth Drone)มีภารกิจในการต่อสู้หรือโจมตี
จีนได้นำวีดีโอ เผยโฉมยานต่อสู้ไร้คนขับ “ลี่เจี้ยน” มาเผยแพร่ในสื่อกระบอกเอกของจีน ได้แก่ โกลบอลไทม์ส (Global Times) ซึ่งเป็นสื่อในเครือหนังสือพิมพ์ประชาชนจีน หรือพีเพิล เดลี่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
โกลบอล ไทส์ม ระบุ ยานไร้คนขับ “ลี่เจี้ยน” ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ไอพ่น (เจ็ท) เดี่ยว มีต้นแบบปีกเหมือน X-78B ของทัพพญาอินทรี พัฒนาและผลิตโดยเสิ่นหยัง เอเวียชั่น (Shenyang Aviation) และหงตู เอเวียชั่น อินดัสทรี (Hongdu Aviation Industry)
ทั้งนี้“ลี่เจี้ยน” มีต้นแบบมาจาก X-47B ของสหรัฐฯ การออกแบบเน้นอุปกรณ์หลบหลีกการตรวจจับ ภายในตัวเครื่องมีห้องติดตั้งอาวุธ ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนของรัสเซีย RD-93 ระวางบรรทุกขีปนาวุธ 2 ตัน, ระยะทางปฏิบัติการ ราว 4,000 กิโลเมตร, รัศมีปฏิบัติการ (mission radius) ราว 1,200 กิโลเมตร
“ “ลี่เจี้ยน” ถูกออกแบบสำหรับกองทัพอากาศและกองทัพเรือ ใช้ในปฏิบัติต่อสู้ ติดตาม และสอดแนมความสำเร็จในการทดสอบเที่ยวบินแรกของ “ลี่เจี้ยน” เป็นสัญลักษณ์ยืนยันความทันสมัยของกองทัพจีนก้าวหน้าเพียงไร และไล่ทันประเทศที่พัฒนาแล้ว ” เป็นคำกล่าวของสีว์ กวงอี๋ว์ อดีตนายทหารใหญ่แห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิจัยอาวุโส ประจำ สมาคมควบคุมและปลดอาวุธแห่งจีน (China Arms Control and Disarmament Association)
“โดรน สามารถปฏิบัติการบินในระดับสูง โดยที่ไม่โดนตรวจจับได้ ขณะเดียวกันก็มีกล้องความละเอียดสูง และอุปกรณ์การสอดแนม ที่ช่วยให้นาวีรักษาระดับการพัฒนาในปฏิบัติการทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก อีกทั้งช่วยให้รัฐบาลสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำในการรับมือกับข้อพิพาทดินแดนกับเพื่อนบ้าน”
ยานต่อสู่ไร้คนขับ “ลี่เจี้ยน”เป็นเครื่องบินเทคโนโลยีหลบหลีกสัญญาณเรดาร์ ที่ทำให้มันปฏิบัติการแบบล่องหน และนับเป็นยานหลบหลีกแบบที่สามที่จีนพัฒนาขึ้นเองในรอบ 3 ปีมานี้ ก่อนหน้าจีนได้ทดสอบเที่ยวบินแรกของ J-20 เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2553 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐมนตรีกลาโหมแห่งสหรัฐฯ โรเบิร์ต เกทส์ มาเยือนกรุงปักกิ่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ปีที่แล้ว(2555) ก็ทดสอบเที่ยวบินแรกของ J-31ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่แบบสองเครื่องยนต์ มีขนาดเล็กกว่า
ในการทดสอบเที่ยวบินแรกของ “ลี่เจี้ยน” นี้ ก็ตามหลังวอชิงตัน โดยเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ทัพพญาอินทรีได้ทดสอบเที่ยวบินแรกยานต่อสู้ไร้คนขับ X-78B
จากรายงานของสื่อในสหรัฐฯเผยว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ หรือ ซีไอเอ ได้ใช้ยานต่อสู้แบบไร้คนขับนี้ ติดตามกลุ่มที่ต้องสงสัยเป็นพวกลัทธิก่อการร้าย อย่างอัล-กออิดะ ที่หลบซ่อนอยู่ในปากีสถาน
อย่างไรก็ตาม หลี่ เหว่ย ผู้เชี่ยวชาญการต่อต้านลัทธิก่อการร้ายแห่งสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศร่วมสมัยแห่งจีน (China Institute of Contemporary International Relations) กล่าวว่า “ลี่เจี้ยน” จะไม่มีบทบาทใหญ่ในปฏิบัติการปราบลัทธิก่อการร้ายภายในประเทศจีน
“การเคลื่อนไหวลัทธิก่อการร้ายในจีน เกิดในภายในประเทศ ดังนั้น วิธีการติดตามสอดแนมแบบเก่าก็เพียงพอแล้ว เพราะค่าใช้จ่ายของปฏิบัติการ UCAV แพงเกินไปโดยไม่จำเป็นเลย”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางทหารชี้ “”ลี่เจี้ยน” นี้ จะช่วยส่งเสริมความสามารถในงานรวบรวมข้อมูลข่าวกรองในแถบทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก ที่มีหมู่เกาะดินแดนพิพาทระหว่างจีนและเพื่อนบ้านเอเชีย.
ชมภาพ จ้าวยานต่อสู้ไร้คนขับ (Unmanned Combat Air Vehicle /UCAV) ได้แก่ X-47B ของสหรัฐฯ, The nEUROn ของฝรั่งเศส, และ Taranis ของ อังกฤษ
คลิป การทดสอบเที่ยวบินแรกของ ยานต่อสู้ไร้คนขับ "ลี่เจี้ยน" พัฒนาโดยบริษัทการบินจีน