เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์/เอเจนซี—สืบเนื่องจากกฎหมายการท่องเที่ยวใหม่ของจีน ระบุห้ามบังคับให้ลูกทัวร์จับจ่ายซื้อของ ส่งผลให้ราคาแพคเกจทัวร์ต่างแดนในแผ่นดินใหญ่ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะแพคเกจทัวร์มายังเป้าหมายปลายทางยอดนิยมของชาวจีน ได้แก่ ไทย และ ฮ่องกง ขยับสูงขึ้นจากเดิมมากที่สุด
สำหรับราคาแพคเกจทัวร์ไปเกาหลีใต้ 5 วัน ของ China International Travel Service ซึ่งปีที่แล้วอยู่ที่ 4,000 หยวน ในปีนี้ ราคาสูงขึ้น มากกว่า 7,000 หยวน หรือ ราว 35,000 บาท
ปัจจุบันกลุ่มชาวจีนจำนวนมหาศาลมั่งคั่งขึ้น และได้แห่เที่ยวต่างแดนกันเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วโลกในหลายปีมานี้ แต่สำหรับปีนี้นักท่องเที่ยวจีนหลายคนดูจะต้องใช้เวลาคิดนานกว่าเดิมในการซื้อทัวร์ต่างแดน เนื่องจากกฎหมายการท่องเที่ยวใหม่ ระบุห้ามบังคับลูกทัวร์ซื้อสินค้านี้ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค. ปีนี้ ซึ่งเป็นวันแรกของ “สัปดาห์ทองวันหยุด” (7 วัน) เนื่องในวาระวันชาติจีน ได้ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายของสำนักงานจัดการท่องเที่ยวสูงขึ้นอย่างถนัด โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายสำหรับไกด์นำเที่ยว ซึ่งก่อนหน้านี้ ไกด์นำเที่ยวจะได้รับค่าคอมมิสชั่นจากการพาคณะลูกทัวร์ไปซื้อสินค้าตามร้านค้าต่างๆ
สื่อจีนอ้างข้อมูลจากสำนักงานจัดการท่องเที่ยวหลายรายในจีน รายงานว่า ราคาแพคเกจทัวร์ไปยังประเทศไทย และฮ่องกง ดีดตัวสูงขึ้นมากที่สุดจากราคาเดิม โดยเฉพาะราคาทัวร์ไทยสูงมากกว่า 2 เท่า ส่งผลให้ยอดขายแพคเกจทัวร์ตกลง
ทั้งนี้ไม่กี่ปีมานี้ บริษัทจัดการท่องเที่ยวในจีนได้กำหนดราคาแพคเกจท่องเที่ยวต่างแดนที่ถูกมากอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ขึ้นชื่อมากคือ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” โดยผูกเงื่อนไขบังคับให้ลูกทัวร์ซื้อสินค้าตามร้านค้าต่างๆ ซึ่งไกด์จะได้ค่าคอมมิสชั่นจากร้านค้าเหล่านี้
กฎหมายการท่องเที่ยวใหม่ของจีน ระบุว่า “ห้ามกลุ่มบริษัทจัดการท่องเที่ยว กำหนดแผนการท่องเที่ยวและดึงดูดลูกค้าด้วยราคาที่ต่ำอย่างไร้เหตุผล” โดยได้ห้ามบริษัทจัดการท่องเที่ยวและไกด์นำเที่ยว พานักท่องเที่ยวไปยังร้านค้าโดยเฉพาะเจาะจง หรือจัดกิจกรรมทางเลือกที่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องจ่ายเพิ่มนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยว บทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนหรือละเมิด ได้แก่ โทษปรับระวาง 30,000-300,000 หยวน หรือราว 150,000 ถึง 1 ล้าน 5 แสนบาท และอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตการดำเนินธุรกิจโดยทันทีอีกด้วย
หลี่ ซวง รองผู้จัดการทั่วไป BTG Outbound Tours กล่าวว่า บริษัทของเขาได้ขึ้นราคาทัวร์ทุกสาย เนื่องจากบริษัทต้องจ่ายเพิ่มให้แก่ไกด์นำเที่ยวมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ดันค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ก่อนหน้านี้ กลุ่มไกด์นำเที่ยวได้ค่าคอมมิสชั่นจำนวนมากจากบรรดาร้านค้าและกิจกรรมทางเลือก (optional activities) ยอดจองทัวร์สำหรับ “สัปดาห์ทองวันหยุด” ได้ลดลง 40 เปอร์เซนต์ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
เตี้ยว ซวง รองผู้จัดการ China Youth Travel Service บอกว่าธุรกิจของเขาก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
กลุ่มสื่อจีนต่างอุทิศพื้นที่นำเสนอข่าวกฎหมายใหม่ฉบับนี้ ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรกที่ออกมาตรการจัดการการท่องเที่ยว ประชาชนจำนวนมากมีท่าทาง “รอและดู” ต่อไป โดยปกติในช่วงสัปดาห์ทองวันหยุดนี้ ยอดขายทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศ จะเพิ่มขึ้น 10-15 เปอร์เซ็นต์ แต่จำนวนลูกค้าไม่ขยับจากปีที่แล้วเลย
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่ง สือ อี้ว ไกด์นำเที่ยวในปักกิ่ง ที่คร่ำหวอดในการนำนักท่องเที่ยวไปต่างแดน “ราคาจัดนำเที่ยวที่สูงขึ้นมานี้ ครอบคลุมเฉพาะค่าทิปที่หายไป และเงินเพิ่มเติมที่ได้จากกิจกรรมทางเลือก ที่พวกเราเคยได้รับ ฝ่ายกลุ่มลูกค้า ความแตกต่างประการเดียวก็คือ ก่อนหน้าพวกเขาได้ใช้จ่ายเงินระหว่างการท่องเที่ยว แต่ต่อไปนี้เงินที่พวกเขาจะได้ใช้จ่ายระหว่างไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ถูกรวมในค่าทัวร์แล้ว”
ตุน จี้ต่ง ผู้จัดการการขายแผนกการท่องเที่ยว ของ Ctrip บริษัทการท่องเที่ยวออนไลน์รายใหญ่ของจีน กล่าวว่า กฎหมายใหม่ได้สร้างโอกาสที่ดีแก่สำนักงานจัดการท่องเที่ยว หวนกลับสู่สภาพแวดล้อมการแข่งขันที่ดีขึ้น
“ที่ผ่านมา พวกเราแข่งขันด้วยการราคาที่ต่ำ ตอนนี้ ผู้เล่นที่จริงจังในอุตสาหกรรมนี้ จะต้องทำบางอย่าง เพื่อปรับโฉมใหม่ในบริการและผลิตภัณฑ์ของพวกเขา”
ปัจจุบันชนชั้นกลางในจีนได้จัดสรรค่าใช้จ่ายให้แก่การเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ตัวเลขจากหน่วยงานรัฐระบุกลุ่มนักท่องเที่ยวได้เดินทางข้ามพรมแดน มากกว่า 80 ล้านเที่ยวในปีที่แล้ว คิดเป็นอัตราเพิ่ม 15 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า
“จีนได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลังมากที่สุดในการดันอัตราการเติบโตการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ” องค์กรการท่องเที่ยวโลก (World Tourism Organisation) ระบุ