เขตการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้ เสียงจีนคำรามขู่ฮ่องกง

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - มีความเห็นจากนักวิเคราะห์ระบุว่า การปรากฎขึ้นของเขตการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้ ( FTZ) ซึ่งเป็นเขตการค้าเสรีแห่งแรกบนแผ่นดินใหญ่ นั้น นอกจากจะคุกคามสถานภาพของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงินระดับโลกแล้ว ยังเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของรัฐบาลปักกิ่งในการกำราบการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่นั่นอีกด้วย

บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้เตือนฮ่องกงว่า หากต้องการจะแข่งขันกับศูนย์กลางการค้าและการเงินใหม่เอี่ยมแห่งนี้ ฮ่องกงต้องปรับปรุงบรรยากาศทางเศรษฐกิจ เช่น ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ และค่าแรง ที่สูงลิ่ว

ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเจ้าหน้าระดับสูงของปักกิ่งยังเตือนอดีตอาณานิคมของอังกฤษด้วยว่า ถ้าต้องการเติบโตต่อไปจะต้องลดกระแสต่อต้านทางการเมือง ที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น

นักวิเคราะห์มองว่า การส่งเสริมนครเซี่ยงไฮ้ถือเป็นการส่งสารถึงฮ่องกงทางอ้อมว่าจะเลือกร่วมมือทางการเมืองกับจีน หรือจะถูกลดความสำคัญทางเศรษฐกิจลง

นายหลู เจ้าซิ่ง นักสังคมศาสตร์ประจำสถาบันศึกษาศาสตร์ของฮ่องกงระบุว่า ปักกิ่งกำลังใช้วิธีการทางเศรษฐกิจเตรียมให้เซี่ยงไฮ้พิชิต หรือมาแทนที่ฮ่องกง นี่เป็นการส่งสาร ที่มีนัยชัดเจนว่า ถ้าฮ่องกงยังขืนต่อล้อต่อเถียงกับปักกิ่งอยู่ อีก สถานภาพทางเศรษฐกิจของฮ่องกงก็จะพังย่อยยับอย่างแน่นอน

ด้านนายอี๋ว์ เจิ้งเซิง หัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านการเมืองสูงสุดของจีน และนาย หวัง กวงย่าผู้อำนวยการสำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊า ต่างเรียกร้องความเป็นเอกภาพในฮ่องกง โดยนายกัว ปิ่งเซียง ซึ่งอยู่ในคณะผู้แทนจากฮ่องกง ที่ไปเยือนปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเปิดเผยว่า นายหวังได้ขอให้คณะผู้แทนจากฮ่องกงคิดให้ดี ๆ ว่า ฮ่องกงควรเป็นเมืองแห่งการต่อสู้ทางการเมือง หรือเมืองแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจ

นายอี่ว์ได้ขอให้ฮ่องกงยึดมั่นและปฏิบัติภายใต้ธรรมนูญการปกครองฮ่องกงในทุกสถานการณ์ “ถ้าฮ่องกงต้องการขยายความสามารถในการแข่งขัน”

นายอี้ว์ยังกล่าวด้วยว่า “เสียงดัง” ที่มาจากสังคมฮ่องกงเป็นสิ่งที่ไม่น่ายินดีต้อนรับ

นายหม่า เย่ว์ นักรัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกงมองเสียงเรียกร้องของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของปักกิ่งว่า เป็นความพยายามสร้างอิทธิพล ที่มีเสถียรภาพในท่ามกลางความโกลาหลทางการเมืองในฮ่องกงขณะนี้

ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ฮ่องกงเคยเป็นเมืองที่มีเสรีภาพด้านเศรษฐกิจมากที่สุดเมืองหนึ่งในโลก และเป็นเมืองศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศ ตลอดจนเศรษฐกิจ ที่เจริญก้าวหน้าเหนือเมืองใด ๆ ในจีน

อย่างไรก็ตาม หลังจากถูกส่งมอบคืนให้จีนเมื่อปี 2540 ก็เกิดความไม่แน่ใจกันว่า ฮ่องกงจะยังคงรักษาสถานภาพนี้อยู่ได้ต่อไปหรือไม่

ในขณะที่นครเซี่ยงไฮ้นั้นเจริญรุ่งเรืองในท่ามกลางเศรษฐกิจของประเทศ ที่เติบโตอย่างน่ามหัศจรรย์ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน และเริ่มมีบทบาทสำคัญในสมัยของประธานาธิบดีหู จิ่นเทา และสี่ จิ้นผิง

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการเดินขบวนประท้วงในฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อต้านคณะผู้บริหารปกครอง ซึ่งเป็นหุ่นเชิดของรัฐบาลปักกิ่ง แรงกดดันจากนักเรียกร้องประชาธิปไตยมีมากขึ้น เมื่อใกล้ถึงกำหนดเส้นตายที่รัฐบาลปักกิ่งให้สัญญาว่า จะให้ชาวฮ่องกงมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งคณะผู้บริหารปกครองด้วยตนเองในปี 2560

นักรณรงค์บางคนขู่จะยึดถนนสายหลักในย่านธุรกิจสำคัญของฮ่องกงในปีหน้า เพื่อกดดันให้ทางการรับประกันว่าจะจัดระบบการเลือกตั้งอย่างยุติธรรมขึ้น

แม้แต่นายลี กาชิง มหาเศรษฐี ที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย ซึ่งอาศัยอยู่ในฮ่องกง และถูกมองว่า สนับสนุนปักกิ่งเองยังระบุว่า “อ็อกคิวพาย เซ็นทรัล” ( Occupy Central) ซึ่งเป็นขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย ที่ประกาศยึดใจกลางธุรกิจในฮ่องกง อาจสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจของเกาะแห่งนี้ได้

นายหลิว หลิน นักวิเคราะห์การเมืองระบุว่า ถึงแม้ฮ่องกงมีฐานะเป็นภูมิภาคกึ่งปกครองตนเองของจีน แต่รัฐบาลปักกิ่งก็มองฮ่องกงเป็นแค่ผู้ใต้บังคับบัญชา

“ เป็นความคิดที่ว่า ถ้าคุณ (ฮ่องกง) ร่วมมือกับฉันได้ ฉันก็จะปล่อยคุณอยู่ต่อไป แต่ฉัน (จีน) ก็สามารถสร้างสถานที่อื่น ๆ ได้อีกหลายแห่งบนแผ่นดินใหญ่ให้เหมือนกับฮ่องกง” นายหลิวพูดถึงยุทธศาสตร์เขตการค้าเสรีของจีน

“ปักกิ่งหมดสิ้นความอดทนแล้ว … นี่คือเสียงปลุกให้รู้สึกตัว ” เขากล่าว