เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - จีนเตรียมเปิดโครงการสร้างเขตการค้าเสรีที่นครเซี่ยงไฮ้อย่างเป็นทางการในวันที่ 27 ก.ย. นี้ โดยจะเป็นเขตการค้าเสรีแห่งแรกบนแผ่นดินใหญ่ ภายใต้การขับเคลื่อนแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง
เขตการค้าเสรี ซึ่งรัฐบาลจีนให้การอนุมัติเมื่อเดือนที่แล้ว มีพื้นที่กว้าง 28.78 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม 3 เขตได้แก่เขตไว่เกาเฉียว หยังซาน และผู่ตง โดยจะมีการแต่งตั้งนายไอ่ เป่าจวิน รองนายกเทศมนตรีนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งคุมด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของนครเซี่ยงไฮ้ เป็นหัวหน้าคณะกรรมาธิการชุดใหม่ ซึ่งจะทำหน้าที่ดูแลการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้
ก่อนหน้าได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีนครเซี่ยงไฮ้ในปี 2550 นายไอ่เคยเป็นประธานบริษัทเป่าสตีล ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่สุดของจีน ซึ่งรัฐบาลปักกิ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลัก และหน้าที่รับผิดชอบใหม่นี้อาจปูทางไปสู่การได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ที่สำคัญมากขึ้นในอนาคต
แหล่งข่าวในรัฐบาลระบุว่า นายกรัฐมนตรีหลี่อาจมอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรง ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าจะเป็นรองนายกรัฐมนตรีให้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับนายไอ่ เพี่อให้การตัดสินใจต่าง ๆ เกี่ยวกับการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนมากมาย
หากทุกอย่างดำเนินไปตามแผน เขตการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้จะเกิดขึ้นและดำเนินการได้ โดยใช้เวลาไม่ถึง 3 เดือน หลังจากนายกรัฐมนตรีหลี่ประกาศความตั้งใจ ที่จะสร้างเขตการค้าเสรีแห่งนี้ขึ้นมา ซึ่งจะช่วยทำให้เข้าใจแนวคิดของ “หลี่โคโนมิกส์” ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารบาร์เคลย์อธิบายว่า ประกอบด้วย 3 ส่วนได้แก่ไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีการลดสัดส่วนของหนี้ และการปฏิรูปโครงสร้างของเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์บางคนมองว่า การที่นายหลี่ลงมาผลักดันโครงการดังกล่าวด้วยตนเองเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ผู้นำจีนมุ่งมั่นนำเสนอแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งถูกโต้แย้งมานาน
ขณะที่นักลงทุนระบุว่า นายกรัฐมนตรีหลี่จำเป็นต้องเริ่มการปฏิรูปเศรษฐกิจ มิเช่นนั้นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจแดนมังกรในช่วง 3 ทศวรรษ ที่ผ่านมาอาจเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถอยกลับได้ โดยการปฏิรูปเศรษฐกิจจะทำให้ภาคส่วนต่าง ๆ ของเศรษฐกิจจีนที่เคยได้รับการปกป้องมายาวนาน เข้าสู่เส้นทางการแข่งขันในระดับโลกอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านสื่อมวลชนของทางการจีนได้เปรียบเทียบเขตการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้นี้ว่า มีความสำคัญเทียบเท่ากับเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น ซึ่งเกิดขึ้น โดยที่ท่านผู้นำสูงสุดเติ้ง เสี่ยวเผิงลงมากำกับดูแลด้วยตนเองเมื่อราว 30 ปีก่อนนั้นทีเดียว