เมื่อภรรยาของจวงจื่อเสียชีวิตลง ฮุ่ยจื่อก็ไปแสดงความเสียใจคารวะศพ กลับพบจวงจื่อนั่งเหยียดขาเคาะถังไม้พลางร้องเพลง “เจ้าได้ใช้ชีวิตร่วมกับนาง นางได้เลี้ยงดูบุตรของเจ้า กระทั่งแก่เฒ่า” ฮุ่ยจื่อจึงตำหนิว่า “การไม่ร่ำไห้ต่อการจากไปของภรรยาก็เลวร้ายพอแล้ว แต่ยังมานั่งเคาะถังไม้ร้องเพลงเล่นเช่นนี้อีก นี่ออกจะเกินไปแล้ว มิใช่หรือ?”
จวงจื่อโต้ตอบไปว่า “ท่านผิดเสียแล้ว เมื่อนางเสียชีวิตลงนั้น ท่านคิดหรือว่าข้าจะไม่รู้สึกเศร้าโศกเสียใจเช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่เมื่อข้าได้มองย้อนถึงต้นกำเนิดของนาง กระทั่งกาลก่อนที่นางจะถือกำเนิด ไม่เพียงแค่กาลก่อนที่นางถือกำเนิด แต่เป็นกาลก่อนที่นางจะมีรูปกาย ไม่เพียงแค่กาลก่อนที่นางจะมีรูปกาย แต่เป็นกาลก่อนที่นางจะมีจิตวิญญาณ ท่ามกลางความมหัศจรรย์เร้นลับมีความเปลี่ยนแปลงอุบัติขึ้นและนางก็มีจิตวิญญาณ เกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งและนางก็มีรูปกาย เมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งและนางก็ถือกำเนิดมา ความเปลี่ยนแปลงได้ไหลเวียนสืบเนื่องไป และนางก็สิ้นชีพ
"ชีวิตไม่ผิดอะไรกับความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทั้งสี่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว บัดนี้นางได้นอนสงบในห้องอันกว้างใหญ่ หากข้ายังคร่ำครวญร่ำไห้ ก็แสดงว่าข้าไม่เข้าใจอะไรเลยเกี่ยวกับชะตา ดังนั้น ข้าจึงได้หยุดยั้ง”
***
ชายหลังค่อมและชายขาเดียวมองไปที่สุสานวีรบุรุษหมิงปั๋ว และขุนเขาคุนหลุนอันเวิ้งว้างที่ซึ่งหวงตี้เคยประทับอยู่ พลันก็มีเนื้องอกผุดขึ้นที่ข้อศอกซ้ายของชายหลังค่อม เขาดูตื่นตระหนกและรำคาญใจ
“เจ้ากลัวและทุกข์เศร้าหรือไม่?” ชายขาเดียวถาม
“มีอะไรน่ากลัวและเศร้าใจ?” ชายหลังค่อมย้อนถาม “ชีวิตเสมือนหนี้สินที่เราได้หยิบยืมมา และหากเราต้องหยิบยืมมาเพื่อมีชีวิต ชีวิตก็เป็นเพียงแค่กองธุลี ชีวิตและความตายเสมือนทิวาราตรี เจ้ากับข้ากำลังเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลง และบัดนี้ความเปลี่ยนแปลงได้บังเกิดขึ้นกับข้า เหตุไฉนจึงต้องกลัวและเศร้าโศกด้วยเล่า?”
แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子)บทที่ 17