xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตการณ์ลูกเศรษฐีไม่สนธุรกิจของเตี่ย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ขณะนี้กำลังเกิดแนวโน้ม ที่ต้องจับตามองในจีน เมื่อกิจการของพวกเศรษฐีกำลังไร้ทายาทสืบทอด เพราะลูก ๆ ที่เกิดมาบนกองเงินกองทองเลือกโบยบินสู่อิสรภาพในการประกอบอาชีพการงานเหนือธุรกิจของครอบครัวเสียแล้ว

ไต้ อิ่นเทา ลูกชายเพียงคนเดียวของมหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ผลิตภัณฑ์ยา และเหมืองแร่ เป็นคนหนึ่ง ที่ไม่สนใจจะเข้ารับช่วงกิจการของบิดา แต่หนุ่มวัย 21 ปีเลือกทำงานการก่อสร้างอาคารแห่งหนึ่งในเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว

ทุก ๆ วันเขาจะขับรถปอร์เช่คันหรูมาทำงาน

" ผมทำงานที่นี่ เพราะผมไม่ต้องการเงินจากพ่อ" ไต้เปิดเผย

" อิสรภาพมันหมายรวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างครับ" เขายืนยัน
บรรยากาศในเขตการเงินผู่ตงของนครเซี่ยงไฮ้  - รอยเตอร์
สภาพการณ์เช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับมรสุม ที่กำลังตั้งเค้าทะมึน จ่อถล่มสังคมและเศรษฐกิจของจีนในอีกไม่ช้า

สักวันหนึ่งเจ้าของธุรกิจรุ่นแรกสุดบนแดนมังกรจะต้องร่วงโรยสู่วัยปลดเกษียณ เมื่อวันนั้นมาถึงจะมีบริษัทประกอบการของเอกชนมากถึงกว่า 3 ล้านราย ที่จะต้องจัดการกับเรื่องการหาผู้สืบทอดกิจการ ซึ่งจากข้อมูลของสถาบันสังคมศาสตร์จีน จะเกิดขึ้นในอีก 3 ถึง 8 ปีข้างหน้านี้เอง

แม้ปัญหาดังกล่าวมิได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะแดนมังกร ทว่ามันเป็นเรื่องเสี่ยงทีเดียวสำหรับประเทศอย่างจีน ที่ขาดแคลนคนรับจ้างทำงานเป็นผู้จัดการมืออาชีพ ขณะที่ครอบครัวนักลงทุนเองก็ลังเลจ้างคนนอก เพราะกลัวว่า ธุรกิจจะตกอยู่ในอำนาจการควบคุมของคนเหล่านั้น อีกทั้งการเข้าซื้อกิจการและการลงทุนในลักษณะของไพรเวต อีควิตี้ หรือหุ้นนอกตลาด ก็เป็นเรื่อง ที่หาได้ยากในจีนเวลานี้ จึงทำให้เจ้าของกิจการรุ่นแรกมีทางออกให้เลือกได้น้อยมาก

เวลท์-เอ็กซ์ ( Wealth-X) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยความมั่งคั่งได้ประเมินมูลค่ากิจการของผู้ประกอบการรุ่นแรกในจีนว่า สูงถึง 611,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้น วิกฤตการณ์ ที่เกิดขึ้นจากปัญหาการสืบทอดกิจการย่อมกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ในโลกอย่างร้ายแรง

“ ถ้าทุกบริษัทในประเทศเผชิญปัญหาการสืบทอดทายาทในเวลาพร้อม ๆ กัน ก็อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อองคาพยพของประเทศได้” โจเซฟ ฟาน อาจารย์ด้านการเงินของมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง (Chinese University of Hongkong) ซึ่งศึกษาประเด็นนี้ระบุ

“ การจัดการปัญหาการสืบทอดกิจการ ที่ไม่ดีพอก็อาจทำร้ายเศรษฐกิจของจีนได้เช่นกัน”

แสวงหาโอกาส ที่ดีกว่า :

คู่สามีภรรยาส่วนมากบนแผ่นดินใหญ่มีลูกเพียงคนเดียว และเด็กเหล่านี้หลายคนได้รับการศึกษาในต่างประเทศ เมื่อหูตาเปิดกว้าง จึงแทบไม่เหลือบแลธุรกิจของครอบครัว แต่อยากหาโอกาสทำอาชีพอื่น ที่มีความหรูหรา สะดุดตามากกว่า

ฮั่น ลู่ลู่ เลือกเรียนสาขาวิชาแฟชั่นที่แคนาดาและอิตาลี ในตอนแรกหญิงสาววัย 29 ปีไม่สนใจ ที่จะช่วยครอบครัวทำธุรกิจภัตตาคารในนครเซี่ยงไฮ้ จนวันหนึ่งจึงตระหนักได้ว่า เธออาจนำความรู้ ที่เล่าเรียนมาใช้ในธุรกิจการทำภัตตาคารได้เหมือนกัน เช่น การออกแบบถ้วยชาม

ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่พร้อมเข้ารับช่วงกิจการต่อจากครอบครัว ซึ่งจ้างพนักงานกว่า 500 ชีวิตสำหรับทำงานในภัตตาคาร ที่มีอยู่ 7 แห่ง

การเปลี่ยนแปลงจากรุ่นสู่รุ่น :

การปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างครอบคลุมในจีนเมื่อ 3 ทศวรรษก่อนได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสังคมและเศรษฐกิจอย่างขนานใหญ่ ซึ่งเสนอโอกาสให้แก่คนจีนรุ่นปัจจุบันอย่างที่คนรุ่นพ่อแม่ไม่เคยได้รับ

“การเปลี่ยนแปลงในสังคม …ระหว่างคนรุ่นที่หนึ่ง และรุ่นที่สอง ทั้งในแง่ของค่านิยมและรูปแบบการใช้ชีวิตเป็นสิ่งที่มีความน่าตื่นเต้นอย่างมาก” ฌอน ลี ผู้อำนวยการศูนย์มรดกครอบครัวไคเฟิง(Keifeng Family Heritage Center) ในสังกัดของโรงเรียนธุรกิจนานาชาติจีนยุโรป (Chinese European International Business School) กล่าว

“สำหรับอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม หลายบริษัทอาจเผชิญกับความท้าทาย ที่ต้องปิดกิจการลงในขณะนี้ เพราะไม่มีใครอยากรับช่วงทำต่อ” เขาให้ความเห็น

บริษัท ที่เป็นกิจการของครอบครัวมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อเศรษฐกิจจีน โดยจากข้อมูลของสหพันธ์อุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน (All-China Federation of Industry and Commerce) ระบุว่า บริษัทเอกชนที่มีอยู่กว่า 10 ล้านรายในจีนคิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 60 ของจีดีพี และกว่าร้อยละ 80 ของบริษัทเอกชนถูกจัดประเภทเป็นธุรกิจของครอบครัวในสิ้นปี 2554

นอกจากนั้น บริษัทเอกชนจำนวน 762 ราย ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นกระดานเอ เป็นกิจการของครอบครัวถึงเกือบร้อยละ 40

ถ้าเราไปดูในเขตอุตสาหกรรมของมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองเวินโจว พวกบริษัทเหล่านี้จะผลิตสินค้าทุกอย่าง นับตั้งแต่รองเท้า และเสื้อยืด ไปจนถึงแว่นตา และไฟแช็ก

การส่งมอบกิจการของครอบครัวจากคนรุ่นพ่อสู่คนรุ่นลูกจึงถูกจับตาจากนักลงทุนและนักการเมือง

อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางกระแสนิยม ที่ลูกเศรษฐีมากมายอยากผละจากอ้อมอกธุรกิจของพ่อแม่ แต่ก็ยังมีพ่อแม่ผู้โชคดีอยู่ไม่น้อย ที่นอนตายตาหลับ

หนึ่งในนี้คือนางหลิว ฟาง ผู้มีบุตรชายนามว่า กง เฉิน เขายินดีเข้ารับช่วงกิจการร้านทำผม “ ฝังจื่อ บิวตี้ ซาลอน” ซึ่งมี 56 สาขาทั่วประเทศ หลังจากจบการศึกษาจากกรุงลอนดอน และทำงานหาประสบการณ์ในธุรกิจของมารดาอยู่นาน 8 ปี

“แรก ๆ ผมเพียงแต่อยากช่วยพ่อแม่ แต่ต่อมาก็เกิดความสำนึกรับผิดชอบขึ้นมาได้เองครับ” ชายหนุ่มพูดให้ข้อคิด ซึ่งสมกับที่เป็นลูกหัวแก้วหัวแหวน
กำลังโหลดความคิดเห็น