เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - นักเคลื่อนไหวตาบอด เฉิน กวงเฉิง ผู้ได้สร้างกระแสวิกฤติความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ เมื่อครั้งหลบหนีออกจากบ้านที่ถูกกักบริเวณในจีน ไปพึ่งใบบุญหลบภัยในสถานทูตหรัฐฯ กรุงปักกิ่ง วานนี้ (25 มิ.ย.) นายเฉินได้ออกมากล่าวว่า ประชาธิปไตยไต้หวันเป็นตัวอย่างที่ทรงคุณค่า ที่แผ่นดินใหญ่ควรจะดูเป็นแบบอย่าง
"ความสำเร็จของไต้หวันเป็นเสมือนแสงไฟส่องสว่าง ชี้หนทางให้แผ่นดินใหญ่" เฉินกล่าวสุนทรพจน์ที่มีคนฟังนับร้อยในการแสดงความเห็นสาธารณะ ณ สภานิติบัญญัติหรือสภาหยวน กรุงไทเป ไต้หวัน
เฉินเผยว่า ก่อนหน้าที่ไต้หวันปกครองโดยพรรคก๊กมินตั๋งเพียงพรรคเดียว ประชาชนก็ได้เก็บกดความอัดอั้นในการวิจารณ์รัฐบาลไว้ในใจ ซึ่งมีลักษณะที่คล้ายกับจีนแผ่นดินใหญ่ในขณะนี้ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินใหญ่ก็คือ มีนักเคลื่อนไหวที่ตระหนักในประเด็นสิทธิเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้เป็นรากฐานของการบังเกิดประชาธิปไตยในอนาคต
พรรคคอมมิวนิสต์ผูกขาดอำนาจยุติธรรมและคุมสื่อมวลชน เฉินกล่าว หากว่าปัจเจกชนหน้าไหนที่กล้าตั้งคำถามกับอำนาจรัฐ มักจะถูกจับขังในข้อหาบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ หรือไม่ก็ถูกข่มขู่ ซึ่งนั่นก็แสดงว่า รัฐบาลมองว่าประชาชนธรรมดาที่ลุกขึ้นมาตระหนักในสิทธิของตัวเอง เป็นการกระทำที่คุกคามอำนาจเผด็จการของพวกเขา
หลังจากที่เฉินกล่าวสุนทรพจน์ ก็ได้เดินทางไปเหยียบสภาหยวนของไต้หวัน ซึ่งเขาได้เห็นเป็นประจักษ์ ในการที่ผู้แทนจากพรรคดีพีพีฝ่ายค้าน กับผู้แทนก๊กมินตั๋ง ได้แข่งกันแย่งครองเวที ในระหว่างการโต้วาทีเรื่องการทบทวนการเก็บภาษีต้นทุนของไต้หวัน
เฉินได้เห็นผู้แทนจากพรรคดีพีพีตะโกนว่า "สนับสนุนเสรีภาพและประชาธิปไตย ต้อนรับเฉิน กวงเฉิง นักต่อสู้เพื่อสิทธิประชาชน"
เฉินกล่าวว่า "ผมเห็นการต่อสู้ด้วยวาจาในสภาไต้หวัน แต่ไม่เห็นรถถังออกมาวิ่งบนถนน"
เฉินเผยว่า ต้องการใช้เวลาสองสัปดาห์ที่เยือนไต้หวันเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยไต้หวัน หลักนิติธรรมและเสรีภาพ "ประสบการณ์ของไต้หวันเป็นประสบการณ์ที่มีค่า และจะได้เป็นแบบอย่างปูทางให้จีนแผ่นดินใหญ่ได้เดินไปสู่ประชาธิปไตย"
เฉิน นักเคลื่อนไหวผู้ทรงอิทธิพลถูกรัฐบาลจีนกักบริเวณไว้เป็นเวลาหลายปี หลังจากที่เขาออกมาเปิดโปงเรื่องการบังคับทำแท้งในมณฑลซานตง ต่อมาเขาหลบหนีจากบ้านที่ถูกกักตัว เดินทางไปหลบภัยยังสถานทูตสหรัฐฯในปักกิ่ง ส่งผลให้จีน-สหรัฐมองหน้ากันไม่ติด
โษฆกของหม่า อิงจิ่ว ประธานาธิบดีไต้หวัน เผยว่า หม่าไม่มีแผนการจะพบกับเฉิน แต่ว่าก็ยินดีต้อนรับการเดินทางมาของเฉิน และหวังว่าเขาจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ด้านประชาธิปไตยและประชาคมไต้หวัน
ในการกล่าวสุนทรพจน์ เฉินได้เรียกร้องให้ประชาชนแผ่นดินใหญ่เน้นที่เรื่องการปกป้องสิทธิมากกว่าเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ
ต่อมาในวันเดียวกัน เฉินและที่ปรึกษา เจเรมี โคเฮน ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ก็ได้เดินทางไปเยือนห้องขัง ซึ่งแต่ก่อนใช้ขังนักเคลื่อนไหวที่มีความเห็นไม่ลงรอยกับรัฐ นำทีมโดยอดีตรองประธานาธิบดีไต้หวัน หลี่ว์ ซิ่วเหลียน ซึ่งเคยถูกกักขังอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 10 เดือน เฉินเผยว่า เมื่อเห็นสภาพทำให้รู้สึกนึกย้อนถึงตัวเองเมื่อครั้งถูกกักบริเวณ