เอเยนซี - จีนเผยยอดใช้พลังงานไฟฟ้าในประเทศเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 สะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน และสามารถใช้เป็นมาตรวัดบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้น หลังก่อนหน้านี้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในอุตสาหกรรมการผลิตลดต่ำลง
สำนักบริหารพลังงานแห่งชาติของจีน (NEA) เผย (14 พ.ค.) ว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เทียบรายปี โดยมีปริมาณอยู่ที่ 4.165 แสนล้านกิโลวัตต์ ต่อชั่วโมง (kwh)
สื่อจีนรายงานโดยอ้าง ข้อมูลจาก สำนักบริหารพลังงานฯ ว่า อัตราการขยายตัวปริมาณการใช้ไฟฟ้าของจีนดังกล่าว สะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน และสามารถใช้เป็นมาตรวัดบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้น เนื่องจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าขยายตัวเร็วขึ้นจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ในเดือนมีนาคม ขณะที่ เดือน ก.พ. ก่อนหน้านั้น้ ลดลงร้อยละ 12.5
ข้อมูลฯ ยังพบว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ จีนใช้พลังงานไฟฟ้ารวมแล้วทั้งหมด 1.63 ล้านล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 4.9 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ โดยในช่วงนั้น มีการใช้ไฟฟ้าในอุตสาหกรรมการบริการเพิ่มขึ้นสูงที่สุด โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 จากปีที่แล้ว รองลงมาคือ อุตสาหกรรมขั้นทุติยภูมิ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 และอุตสาหกรรมขั้นปฐมภูมิร้อยละ 1.5 ขณะที่การใช้ไฟฟ้าในที่อยู่อาศัยของประชาชนเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.4
ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติ ก็เปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ผลผลิตไฟฟ้าเดือนเมษายนขยายตัวร้อยละ 6.2 อยู่ที่ 3.994 แสนล้านกิโลวัตต์ ต่อชั่วโมง สูงขึ้นมากจากเดือนมีนาคม ที่ขยายตัวร้อยละ 2.1
สำนักบริหารพลังงานฯ เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน จีนได้เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอีก 18.72 ล้านกิโลวัตต์ โดยมาจาก ไฟฟ้าพลังน้ำ 3.97 ล้านกิโลวัตต์ และไฟฟ้าพลังความร้อน 11 ล้านกิโลวัตต์
ก่อนหน้านี้ สำนักงานพลังงานแห่งชาติจีน เผย (9 เม.ย.) ว่า จีนสามารถผลิตไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานลมในปี 2555 เพิ่มอีก ร้อยละ 41 เทียบกับปีก่อนหน้า โดยคำนวณพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดราว 1.008 แสนล้าน กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เทียบเป็นร้อยละ 2 ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศ และทำให้สามารถลดการสร้างมลพิษจากการผลิตไฟฟ้าถ่านหิน ไปได้มากกว่า 32.86 ล้านตัน
ด้านผู้เชี่ยวชาญพลังงานให้ความเห็นว่า จีนลงทุนในการพัฒนาศักยภาพการผลิตพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายลงทุนเพิ่มให้ได้อีก 100 กิกะวัตต์ภายในปี 2563 ขณะที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและซิงหัวเคยรายงานว่า จีนมีสามารถผลิตพลังงานลม ด้วยต้นทุนไม่ถึง 1,000 เหรียญสหรัฐ ต่อประชากร 1 คน ภายในปี 2570 ซึ่งต่ำกว่าสหรัฐฯ มาก
อย่างไรก็ตาม จีนยังคงต้องมุ่งมั่นพัฒนาพลังงานสะอาดอย่างจริงจังต่อเนื่อง เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานถ่านหิน ซึ่งจะยังคงเป็นสัดส่วนสองในสามไปจนถึงปี 2563
