xs
xsm
sm
md
lg

บ้านปูกำไรหายกว่าหมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บ้านปู งวดสิ้นปี 55 กำไรวูบ 10,767 ล้านบาท หรือลดลง 54% เหตุราคาขายถ่านหินต่ำ แม้รายได้จากโรงไฟฟ้ายังดี คาดว่าความต้องการใช้ถ่านหินในปีนี้จะยังคงเติบโตได้ดี ประเมินส่งผลให้ภาวะถ่านหินส่วนเกินกลับเข้าสู่สมดุลประมาณกลางปีนี้

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 55 ว่า มีกำไรสุทธิ 9,293.19 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 20,059.83 ล้านบาท หรือกำไรลดลง 10,766.64 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 53.67% ผลจากราคาขายถ่านหินลดลง

โดยในปี 2555 ที่ผ่านมา บ้านปูฯ มีรายได้จากการขายรวม จำนวน 117,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4,933 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4 แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจถ่านหิน 110,807 ล้านบาท หรือร้อยละ 95 ของรายได้จากการขายรวม ประกอบด้วย รายได้จากการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซีย 77,234 ล้านบาท จากแหล่งผลิตในออสเตรเลีย 33,538 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีน มี 5,679 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5 ของรายได้รวม โดยรายได้จากการขายของปีนี้เติบโตตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เป็นผลจากปริมาณการผลิตและขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นของแหล่งผลิตในประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่รายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากปีก่อนหน้า

สำหรับปริมาณการขายถ่านหินรวมในปี 2555 ที่ผ่านมา มีจำนวน 41.57 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปีก่อนหน้า แบ่งเป็นปริมาณขายถ่านหินจากเหมืองในอินโดนีเซีย 27.20 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.56 ล้านตัน หรือร้อยละ 10 จากปี 2555 ซึ่งเป็นปริมาณขายที่สูงกว่าแผน ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการปรับแผนการทำเหมืองเพื่อให้ต้นทุนการผลิตสอดคล้องกับราคาขายมากขึ้น รวมทั้งการบริหารต้นทุนค่าหน้าดินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับ อินโดนีเซียมีสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ส่งผลให้แหล่งผลิตในอินโดนีเซียสามารถผลิตถ่านหินได้ดีกว่าแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะเหมืองทรูบาอินโด และโจ-ร่ง ส่วนปริมาณขายถ่านหินจากออสเตรเลีย มี 14.3 ล้านตัน ลดลงเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากเหมืองแมนดาลองมีความจำเป็นต้องหยุดการผลิตถึง 2 ครั้ง เพื่อทำการขนย้ายเครื่องจักร

ส่วนราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของปีนี้อยู่ที่ 85.72 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 3 จากปี 2554 ซึ่งปรับตัวลดลงตามราคาถ่านหินในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาอันเป็นผลจากสภาวะตลาดถ่านหินที่ถดถอย ทั้งนี้ ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซีย อยู่ที่ 90.98 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 6 จากปีก่อนหน้า ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยของเหมืองถ่านหินในออสเตรเลีย ลดลงเล็กน้อย อยู่ที่ 72.86 เหรียญออสเตรเลียต่อตัน

นายชนินท์ กล่าวว่า ราคาขายถ่านหินที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับไม่มีการบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์ (ซึ่งในปี 2554 มีการบันทึกกำไรในส่วนนี้ จำนวน 8,246 ล้านบาท) ส่งผลให้กำไรสุทธิของปี 2555 ลดลงเหลือ 9,293 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 54 จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของของบริษัทฯ ยังมีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจไฟฟ้าที่สามารถสร้างฐานกำไรที่มั่นคงให้แก่บริษัทฯ

“ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของปี 2555 ที่ปรับตัวลดลงนั้นเป็นไปตามราคาถ่านหินในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาวะถ่านหินส่วนเกินในตลาด อันเป็นผลจากปริมาณการผลิตถ่านหินที่เพิ่มมากเกินกว่าความต้องการ ทั้งนี้ คาดว่าความต้องการใช้ถ่านหินในปีนี้จะยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะจากจีน อินเดีย และญี่ปุ่น ซึ่งน่าจะส่งผลให้ภาวะถ่านหินส่วนเกินกลับเข้าสู่สมดุลประมาณกลางปีนี้ และทำให้ราคาถ่านหินในตลาดโลกปรับตัวดีขึ้น” นายชนินท์กล่าว

ในปีที่ผ่านมา บ้านปูฯ รับรู้ผลกำไรของบริษัทร่วม 2,873 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48 จากปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่มาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และจากธุรกิจถ่านหินในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยบริษัทฯ รับรู้ผลกำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี 2,361 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากปีก่อนหน้า ส่วนธุรกิจถ่านหินในจีนมีส่วนแบ่งกำไร 884 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 47 เท่าจากปีก่อนหน้า โดยเหมืองเฮ่อปี้ และเหมืองเกาเหอ ที่เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการในไตรมาส 3/2555 ที่ผ่านมา สามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ความต้องการใช้ถ่านหิน และราคาขายในตลาดท้องถิ่นทรงตัวอยู่ในระดับที่ดี


กำลังโหลดความคิดเห็น