เอเยนซี- ในอดีตประเทศจีนก็เป็นหนึ่งในสังคมที่เปิดรับและแลกเปลี่ยนพุทธศาสนาจากชมพูทวีป โดยนำมาปรับให้เข้ากับเอกลักษณ์ทางสังคมของตนเอง และการประดิษฐานของพระพุทธรูปพระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรยจำลองหน้าเจ้าของกิจการ ณ สวนสนุกแห่งนี้ คือ ภาพสะท้อนของปรากฏการณ์ดังกล่าว
ศาสนาพุทธอยู่คู่สังคมไทยมายาวนาน นับตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช ของอินเดียส่งพุทธสมณทูตไปยังส่วนต่างๆ ของโลก ในอดีตประเทศจีนก็เป็นหนึ่งในสังคมที่เปิดรับและแลกเปลี่ยนพุทธศาสนาจากชมพูทวีป เรื่องราวของ ไซอิ๋ว (西游记) หนึ่งในสี่เพชรประดับมงกุฎวรรณกรรมจีน ก็เป็นหลักฐานสำคัญของพระพุทธศาสนาในมโนทัศน์ชาวจีน กระนั้น ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในประเทศส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อพุทธศาสนาในจีน
ปัจจุบัน พระพุทธศานาจีนกำลังผมปนเปเข้ากับกระแสวัตถุนิยม ซึ่งปรากฏดังกล่าวได้สะท้อนออกมาอย่างมีนัยสำคัญผ่านการสร้างพระพุทธรูปพระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรยจำลองหน้าเจ้าของกิจการ ณ สวนสนุกหลงหวา (龙华欢乐园) เมืองลั่วหยาง ซึ่งได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตจีนอย่างมาก บ้างก็ว่าเป็นการสร้างที่ผิดจากภาพลักษณ์ของผู้เป็นพระ เช่น การไว้ผม การใส่เสื้อกล้าม พุงใหญ่ บ้างก็ว่าเป็นการผสมผสานระหว่างพระพุทธเจ้า เหมา เจ๋อตง นักการเมืองผู้ฉ้อโกง และเศรษฐี “ป่วย”
ชาวเน็ตบางคนก็ว่า ปรากฏการณ์สร้างพระพุทธรูปจำลองหน้าผู้สร้างนี้ ดูเหมือนเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ มีเรื่องเล่ากันว่า พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ ถ้ำหินสลักพุทธศิลป์หลงเหมิน (龙门石窟) เมืองลั่วหยังนั้น สร้างขึ้นโดยใช้ใบหน้าของจักรพรรดินีอู่ เจ๋อเทียน หรือบูเช็คเทียน (武则天) เป็นแบบในการสร้าง
ด้วยแรงกดดันจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทางสวนสนุกจึงตัดสินใจนำผ้ามาปกคลุมพระเศียรของพระพุทธรูป เป็นการปิดฉากพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยรุ่น “เจ้าของกิจการ” เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 เม.ย 56)
ศาสนาพุทธอยู่คู่สังคมไทยมายาวนาน นับตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช ของอินเดียส่งพุทธสมณทูตไปยังส่วนต่างๆ ของโลก ในอดีตประเทศจีนก็เป็นหนึ่งในสังคมที่เปิดรับและแลกเปลี่ยนพุทธศาสนาจากชมพูทวีป เรื่องราวของ ไซอิ๋ว (西游记) หนึ่งในสี่เพชรประดับมงกุฎวรรณกรรมจีน ก็เป็นหลักฐานสำคัญของพระพุทธศาสนาในมโนทัศน์ชาวจีน กระนั้น ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในประเทศส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อพุทธศาสนาในจีน
ปัจจุบัน พระพุทธศานาจีนกำลังผมปนเปเข้ากับกระแสวัตถุนิยม ซึ่งปรากฏดังกล่าวได้สะท้อนออกมาอย่างมีนัยสำคัญผ่านการสร้างพระพุทธรูปพระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรยจำลองหน้าเจ้าของกิจการ ณ สวนสนุกหลงหวา (龙华欢乐园) เมืองลั่วหยาง ซึ่งได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตจีนอย่างมาก บ้างก็ว่าเป็นการสร้างที่ผิดจากภาพลักษณ์ของผู้เป็นพระ เช่น การไว้ผม การใส่เสื้อกล้าม พุงใหญ่ บ้างก็ว่าเป็นการผสมผสานระหว่างพระพุทธเจ้า เหมา เจ๋อตง นักการเมืองผู้ฉ้อโกง และเศรษฐี “ป่วย”
ชาวเน็ตบางคนก็ว่า ปรากฏการณ์สร้างพระพุทธรูปจำลองหน้าผู้สร้างนี้ ดูเหมือนเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ มีเรื่องเล่ากันว่า พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ ถ้ำหินสลักพุทธศิลป์หลงเหมิน (龙门石窟) เมืองลั่วหยังนั้น สร้างขึ้นโดยใช้ใบหน้าของจักรพรรดินีอู่ เจ๋อเทียน หรือบูเช็คเทียน (武则天) เป็นแบบในการสร้าง
ด้วยแรงกดดันจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทางสวนสนุกจึงตัดสินใจนำผ้ามาปกคลุมพระเศียรของพระพุทธรูป เป็นการปิดฉากพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยรุ่น “เจ้าของกิจการ” เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 เม.ย 56)