เอเจนซี--ขณะนี้ ชาวบ้านแถบหมู่บ้านหมั้นจิ่ว เมืองจิ่งหง มณฑลอวิ๋นหนัน เพียงได้ยินคำว่า “ช้าง” ต่างก็เกิดอาการกลัวขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆกัน สืบเนื่องจากฝูงช้างป่ายกโขยงเข้ามาในหมู่บ้าน แผงฤทธิ์ฟาดงวงฟาดงา บุกบ้านพังเรือน สวาปามพืชผลในไร่นา เช่น กล้วย ข้าวโพด สับปะรด ข้าวในบ้านชาวบ้าน ยันของเซ่นไหว้ที่สุสาน ก็กินเรียบ ล่าสุด แม่ช้างยังได้ตกลูกในไร่ข้าวโพด
ในเช้าวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจเซินหลิน แคว้นปกครองตัวเองสิบสองปันนา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยอื่น ทั้งกรมอนุรักษ์ป่าไม้ หน่วยวิจัยการอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นต้น ได้รุดกันมายังถนนหลวง 231 ในหมู่บ้านหมั้นจิ่วเฮ่า
“ช้างป่าตัวหนึ่งตกลูก 1 ตัว และพากันเข้าป่าไปแล้ว” ต่ง หย่งหวา ผู้เชี่ยวชาญสำนักงานวิจัยเขตอนุรักษ์ บอกกับผู้สื่อข่าวที่ยืนชะเง้อมองร่องรอยฝูงช้างป่าที่ผุดๆโผล่ๆอยู่ในป่าที่ไกลออกไป ราว 30 เมตร
ผู้สื่อข่าวและต่ง หย่งหวา ได้ใช้ต้นยางบังตัว ค่อยๆเดินไปข้างหน้า และหยุดตรงบริเวณที่ห่างจากฝูงช้างป่าราว 20 เมตร เตรียมถ่ายภาพ พลันก็สะดุ้งโยง ด้วยเสียงช้างป่าแฝดเสียงดัง ช้างป่า 3 เชือก สูง ราว 2.5 เมตร โผล่ออกมาจากป่า ยืดงวงยาวย่างสามขุมมายังผู้สื่อข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวและต่ง หลบหายไปในดงต้นยาง พวกมันจึงหยุดฝีเท้า และกลับเข้าไปในป่าสุสาน
จากนั้น ผู้สื่อข่าวก็ได้ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังที่แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากธารน้ำเล็กๆ เป็นดงหญ้า และดินโคลน กลิ่นคาวๆจากรอยเลือดที่ยังไม่แห้ง เจ้าหน้าที่จากศูนย์อนุรักษ์ประจำเมิ่งหยัง บอกว่าที่นี่เป็นที่ช้างป่าตัวหนึ่งได้ตกลูกเมื่อเช้านี้
เจ้าหน้าที่ได้เล่าต่อว่า ตั้งแต่ช่วงวันตรุษจีนมานี้ ฝูงช้างป่าได้บุกรุกเข้ามายังเขตชุมชนต่างๆในหมู่บ้านหมั้นจิ่วเฮ่า มีโทรศัพท์แจ้งช้างป่าบุกรุกชุมชนแทบทุกวัน
กรณีล่าสุดราว 6 โมงของเย็นวันที่ 15 ก.พ. ชาวบ้านโทรศัพท์มาแจ้งความว่า ฝูงช้างป่าบุกเข้าไปกินข้าวโพดในไร่ เจ้าหน้าที่นำโดย เตา หย่งผิง ได้นำกำลังไปยังที่เกิดเหตุ จุดประทัด ส่องแสงเพื่อไล่ช้าง จนราว 4 ทุ่มพวกช้างกินข้าวโพดกันอิ่มพุงกางแล้วถึงยกโขยงกลับเข้าป่าไป แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตกตะลึงกันในคราวนี้คือ ในฝูงช้าง 8 เชือกนี้ มีตัวหนึ่งเลือดเปรอะเต็มตัว ข้างๆตัวมีช้างน้อยเดินตามต้อยๆ
เจ้าหน้าที่สะกดรอยตามไป ราว 20 นาทีก็มาถึงเนินทางขึ้นระหว่างไร่ข้าวโพดและถนน ช้างน้อยพยายามเดินขึ้นไปแต่ก็ขึ้นไปไม่ได้ แม่ช้างตัวโตสองเชือกใช้งวงโกยดินโคลนกองใหญ่มาถมเป็นแท่น และใช้งวงยาวช่วยกันพยุงตัวช้างน้อยขึ้นมาบนถนน
ชาวบ้านกลัวจนไม่กล้านอน
“ช้างป่ามาเดินป้วนเปี้ยนจนชาวบ้านไม่กล้านอนกัน” ลุง เหล่ย อันชิง วัย 66 เล่า “เสียงของพวกมันดังน่ากลัวมาก ทุกครั้งที่ฝูงช้างป่าบุกเข้ามาในชุมชน ชาวบ้านก็พากันออกไปจากบ้าน ช่วงตรุษจีนพวกช้างก็ยกโขยงมา 2-3 ครั้ง เข้าไปในไร่ข้าวโพด กินจนอิ่มหน่ำสำราญแล้วจึงกลับไป กลางดึกวันที่ 14 ก.พ. ฝูงช้างก็มาอีก ลุงเหล่ยอาศัยแสงจันทร์พยายามมองเข้าไปยังไร่ข้าวโพด แต่ก็ไม่เห็นเงาของช้าง เย็นวันถัดมาก็ปรากฏฝูงช้างในไร่ข้าวโพดที่ห่างจากบ้านลุงเหล่ยราว 10 เมตร กลางคืนตำรวจมาไล่ต้อนฝูงช้างเข้าป่าไป แต่รุ่งขึ้น เสียงช้างก็ได้ปลุกลุงเหล่ยให้ลุกจากที่นอน ลุงเหล่ยเห็นช้างกำลังกินอาหารเช้าในไร่ข้าวโพดข้างบ้าน จึงโทรแจ้งตำรวจ
ผจญภัยช้างป่าบุกบ้านกลางดึก
จากการสัมภาษณ์ของผู้สื่อข่าว ได้ความว่า จากวันที่ 6 ธ.ค.ปีที่แล้ว ฝูงช้างป่าได้บุกเข้ามายังเขตชุมชนในหมู่บ้านหมั้นจิ่วเฮ่า ตำบลเมิ่งหยัง เหยียบย่ำสวนผัก ไร่ข้าวโพด สวนยาง และสวนกล้วย เสียหายย่อยยับ แต่ฝูงช้างป่าก็ยังไม่รุกล้ำเข้ามาในบริเวณบ้านเรือน กระทั่งในเย็นวันที่ 7 ก.พ. ฝูงช้างป่า 13 เชือกได้ยกโขยงกันมากินกล้วยตรงหน้าบ้านของนาย ต้วน ซง คนงานเฝ้าสุสาน เมื่อกินอิ่มแล้วก็กลับไป
ตกกลางคืน นาย ต้วนและภรรยาเปิดไฟสว่าง ไม่กล้านอน ราว 5 ทุ่ม ก็ได้ยินเสียงดังปึงปัง...ปึงปัง... ตามด้วยเสียงร้องของช้างป่า พลันประตูบ้านก็ถูกพังโครม โดยไม่มีเวลาคิดมาก นายต้วนหันคว้าท่อนเหล็ก วิ่งไปที่หน้าต่าง ฟาดพังหน้าต่าง และพาภรรยาหนีไป พอหันกลับมายังบ้านก็เห็นช้างพังประตูหน้าต่าง ช้างใหญ่สองเชือกเข้าไปในห้อง สองสามีภรรยาตกใจกลัวลาน วิ่งไปที่เนินเขา เห็นช้างเข้าไปในบ้าน พวกมันจ้องไปที่ยุ้งเก็บข้าวโพด 2 ตัน ทีแรกเจ้าช้างตัวโตจะเข้าไปแต่ตัวมันติดอยู่ที่ประตู จึงให้ช้างตัวเล็กเข้าไปสวาปามก่อน จากนั้นช้างใหญ่ก็พังหน้าต่างอีกรอบจนขอบหน้าต่างหลุด ช้างใหญ่ก็ปีนเข้าไปกินข้าวโพดจนหนำใจจึงออกมาให้ช้างตัวต่อไปเข้าไปกิน ขณะเดียวกันช้างตัวอื่นๆก็ช่วยกันพังประตูบ้านทั้งหมด ช้างตัวหนึ่งไปยังครัว เห็นข้าว 2 ถุงใหญ่ๆ ใช้งวงฟาดเทข้าวออกมาเต็มพื้น ฝูงช้างก็รุมเข้ามากินข้าวอย่างตะกละตะกลาม
เมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ก็ส่งสองสามีภรรยาที่ตกใจขวัญหนีดีฝ่อไปสงบอารมณ์ในตำบล จากนั้นก็จุดประทัดไล่ช้าง จนราวตีสามฝูงช้างถึงได้กลับเข้าป่าไป
อีกกรณีหนึ่งที่ต้องประจัญหน้ากับช้าง ชาวเมืองจิ่งหง คือนายเฉิน และครอบครัวนำศพญาติที่เสียชีวิตไปทำพิธีที่สุสาน พวกเขาไม่เพียงปะกับฝูงช้าง ของเซ่นไหว้ผู้ตายยังถูกฝูงช้างป่ากินเรียบ
“ตอนนี้ พอตกบ่าย ผมก็ไม่กล้าอยู่แถวนี้แล้ว” ต้วน ซง ควักกล่องประทัดมาให้ผู้สื่อข่าวดู “ตอนกวางวันผมมาดูแลเก้บกวาดสุสาน ถ้าพวกช้างป่าโผล่มา ผมก็จะจุดประทัดไล่ ขณะที่พวกช้างตกใจ ก็จะฉวยโอกาสเผ่นหนีไป”
คลิปข่าวฝูงช้างป่าบุกชุมชนในเมืองจิ่งหง มณฑลอวิ๋นหนัน