เอเยนซี - ซินหวา สื่อจีนเผยภาพวัยหนุ่มอนาคตสดใส ของ สี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่และประธานคณะกรรมการกลางการทหารแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน และจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการเมื่อที่ประชุมสภาผู้แทนประชาชนจีนหรือรัฐสภารับรองในเดือนมี.ค.ปีหน้า
สื่อจีนเผย (5 ม.ค.) ชุดภาพพร้อมคำบรรยายว่า วัยหนุ่มของ สี จิ้นผิง (วัย 15 ปี) ถูกส่งตัวเข้าใช้ชีวิตในเขตชนบทอันห่างไกลทางตอนเหนือของจีน ทำงานตรากตรำในหมู่บ้าน ตกค่ำต้องอาศัยนอนบนก้อนอิฐ แบบชาวนาเป็นเวลา 7 ปี ด้วยเหตุที่เป็นบุตรของ สี จงซุน อดีตสหายร่วมรบของประธานเหมา และเป็นรองนายกรัฐมนตรีจีนในเวลาต่อมา แต่ตกอับพ้นจากตำแหน่งในปี 2505 เพราะปรากฎการณ์ปฏิวัติวัฒนธรรมฯ
สี จิ้นผิง เป็นหนึ่งใน 29,000 ปัญญาชนชุดแรกในปี พ.ศ. 2512 ที่ถูกส่งตัว"เข้ารับการอบรม" ในถ้ำที่หมู่บ้านเหลียงจยาเหอ มณฑลส่านซี ก่อนกลับปักกิ่ง ยังถูกส่งไปยังค่ายแรงงานเป็นเวลาหกเดือน สีได้ร่วมสร้างฝายทดน้ำหลายแห่งในหมู่บ้านเหลียงจยาเหอ และที่นี่เองได้สร้าง "สัญชาตญาณการเมือง" ของสี จิ้นผิง ขึ้นมา จากเด็กหนุ่มผู้จำใจไปใช้ชีวิตชนบท และไม่ค่อยสนใจการเมือง จนสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์พิเศษที่ไม่เหมือนใคร
สีเผยในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2544 ว่า "มีดจะคมได้ต้องผ่านการลับด้วยหินกล้า คนจะแกร่งได้ต้องผ่านความลำบาก"
แม้สีจะถูกถอดออกจากสมาชิกพรรคถึง 9 ครั้ง เนื่องจากบิดาประสบปัญหาทางการเมือง ท้ายที่สุด สีก็ได้กลับเข้าพรรคฯ ในปี 2517 และจากนั้นก็ได้ตำแหน่งผู้นำมหาวิทยาลัยชิงหวา กระทั่งในช่วงวัยปลาย 20 สียอมละทิ้งตำแหน่งในกรุงปักกิ่ง ไปบริหารงานในเขตชนบทแทน ทำให้เขามีมุมมองกว้างไกลและกลายเป็นผู้นำแถวหน้า ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรคสาขา และชื่อเสียงเกียรติภูมิของบิดา ก็ฟื้นกลับคืนมาในยุคของเติ้งเสี่ยวผิง
ด้วยความช่วยเหลือของบิดา สีกระโดดขึ้นเป็นรองนายกเทศมนตรีซย่าเหมินในปี 2528 จากนั้นก็ได้ทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ ต่อมาอีก 17 ปี สีได้สร้างความน่าเชื่อถือในการดึงดูดนักลงทุน สีแขวนป้ายผ้าติดไว้ที่ห้องโถงของสำนักงานมณฑลว่าความว่า "จงทำให้ลุล่วง"
ประสบการณ์การทำงานกว่า 17 ปี ที่ซย่าเหมิน และฝูโจว ศูนย์กลางการเมืองการปกครองและวัฒนธรรมของมณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดินแดนเชื่อมสัมพันธ์สองจีน (ไต้หวันกับแผ่นดินใหญ่) เพราะมีอาณาเขตทางทะเลติดกับเกาะไต้หวันที่สุด ทำให้ สีจิ้นผิง มีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน หอการค้าไต้หวัน บนแผ่นดินใหญ่ก็ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในซย่าเหมิน ในยุคที่เขาทำงานอยู่ที่ฝูเจี้ยนเช่นกัน โดยสีสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ และยังเป็นผู้บริหารระดับสูงในกิจการต่างๆ ของฮ่องกง และมาเก๊า วางนโยบายสำคัญๆ ที่จะสร้างเสถียรภาพระยะยาวให้กับภูมิภาคนี้
เมื่อตอนที่ฮ่องกง และมาเก๊า สั่นสะเทือนจากวิกฤติการเงินโลก ล่าสุดในปี พ.ศ. 2551 - 52 สียังได้รุดเข้าไปช่วยคลี่คลายสถานการณ์ผ่อนหนักเป็นเบาหลายครั้ง
การใช้ชีวิตวัยหนุ่มหลายปีในมณฑลต่าง ๆ ทำให้เขาเป็นคนที่มีวุฒิภาวะ เป็นผู้น่าเชื่อถือ เป็นผู้ที่เข้าอกเข้าใจแรงงานจีนที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อปากท้อง และเข้าใจหัวอกนักธุรกิจในขณะเดียวกัน อดีตขุนคลังสหรัฐฯ เฮนรี พอลสัน ครั้งหนึ่งเคยเรียกสีว่า "ชายผู้ล่วงรู้วิธีบรรลุเป้าหมาย"สตีฟ ถังผู้อำนวยการสถาบันวิจัยตำรวจจีน ณ มหาวิทยาลัยน็อตติงแฮมในบริเตน เผยว่า ประเทศเพื่อนบ้านจีนรวมทั้งสหรัฐฯ ด้วย จะต้องเตรียมตัวรอดูรัฐบาลจีนภายใต้การบริหารงานของสี ซึ่งจะมีนโยบายเชิงรุกมากกว่าหู ขณะที่อดีตทูตจีนประจำปักกิ่ง จอน ฮันท์สแมน กล่าวยอมรับว่า "สีเป็นชายที่ต่างไปจากหู จิ่นเทา เพราะสีเป็นคนที่สามารถติดต่อด้วยได้"