xs
xsm
sm
md
lg

สี จิ้นผิง ตอนที่ สอง มีดคมจากการลับด้วยหินกล้า คนแกร่งได้ด้วยความลำบาก

เผยแพร่:   โดย: ชัยพร พยาครุฑ

สี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คนใหม่ (ภาพซินหวา)
ในวัยเยาว์ ลูกอดีตรองนายกรัฐมนตรีสี จงซวิ่น อย่างสี จิ้นผิง ใช้ชีวิตในช่วงทศวรรษ 1950 อย่างสะดวกสบายในบ้าน มีคนขับรถไปรับไปส่ง มีโรงเรียนที่ดีที่สุดเป็นสถานศึกษา ขณะที่ชาวจีนอีกจำนวนมากยังตรากตรำยากจน

ทว่าต่อมา สีผู้พ่อถูกประธานเหมาฯ หวาดระแวงลดชั้นทางการเมืองในปี 2505 สีผู้ลูกก็ต้องระเห็ดไปยังชนบทมณฑลส่านซีในปี 2512 ช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม ซึ่งมีการรณรงค์เยาวชนออกชนบท ก่อนกลับปักกิ่ง สียังถูกส่งไปยังค่ายแรงงานเป็นเวลาหกเดือน สีได้ร่วมสร้างฝายทดน้ำหลายแห่งในหมู่บ้านเหลียงจยาเหอ สีเองเผยเมื่อปี 2544 ในการให้สัมภาษณ์นิตยสารจีนฉบับหนึ่งว่า "มีดจะคมได้ต้องผ่านการลับด้วยหินกล้า คนจะแกร่งได้ต้องผ่านความลำบาก"

เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ตำรวจหมู่บ้านเหลียงจยาเหอติดตามนักข่าวและไม่อนุญาตให้สืบค้น แสดงให้เห็นว่าพรรคฯ ต้องการควบคุมข้อมูลเกี่ยวกับอดีตของสี แต่เจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้ทำการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่บางคนอย่างคล่าว ๆ เช่น นายซื่อ ซุนหยัง ผู้ซึ่งเคยเป็นสหายของสี

ซื่อยืนอยู่ที่ห้องเดิมที่ในบ้านที่เขาและสีเคยใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวในชนบท หวนรำลึกถึงอดีตที่สีจากไปด้วยวัย 22 ปี ซื่อบอกว่า ไม่มีใครอยากให้สีจากไปเลย "สีกลับไปเยี่ยมหมู่บ้านเหลียงจยาเหอเพียงครั้งเดียว ในปี 2535 ครั้งนั้นสีกลับไปแจกนาฬิกาปลุกให้กับชาวบ้านทุกครัวเรือน" ซื่อกล่าวเพิ่ม

สีถูกถอดออกจากสมาชิกพรรคถึงเก้าครั้ง เนื่องจากบิดาประสบปัญหาทางการเมือง ท้ายที่สุดสีก็ได้กลับเข้าพรรคฯ ในปี 2517 และจากนั้นก็ได้ตำแหน่งผู้นำมหาวิทยาลัยชิงหวา

สีรับปริญญาทางด้านเคมี ในช่วงที่ประธานเหมาถึงแก่อสัญกรรมและบิดาของสีกลับคืนสู่อำนาจ สีจึงสามารถรักษาตำแหน่งได้มั่นคงขึ้น นั่นคือตำแหน่งเลขาของรัฐมนตรีกลาโหมเกิ้ง เปียว ผู้ซึ่งเป็นสหายเก่าของบิดา แต่ตำแหน่งทางการเมืองของสีก็ไม่อยู่ตัวนัก สีต้องการโดดไปดำรงตำแหน่งระดับล่างที่มณฑลเหอเป่ย เนื่องจากต้องการต่อสู้ดิ้นรน ทำงานหนัก และต้องการสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่ สีเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารอีลีทยูธ อย่างนั้น

สีลงไปทำงานชนบทเมืองเจิ้งติ้ง ซึ่งประชาชนยังใช้รถม้าในการโดยสาร ที่นั่น สีได้แรงบันดาลใจสร้างภาพยนตร์ "ความฝันในหอแดง" ออกอากาศสถานีโทรทัศน์กลางซีซีทีวีของจีน เพื่อให้สถานที่ดังกล่าวดึงดูดนักท่องเที่ยว สีได้สร้างกองถ่ายขนาดใหญ่กินพื้นที่กว้าง นายเหลียง เฉียง ผู้ดูแลการถ่ายทำภาพยนตร์เผยว่า "สีเป็นคนมองไปข้างหน้า การถ่ายทำภาพยนตร์ได้สร้างงานให้กับคนจำนวนมาก และสร้างรายได้ให้กับเมืองเจิ้งติ้งมหาศาล แม้ว่าสีจะอยู่ที่เจิ้งติ้งในเวสั้น ๆ ก็ตาม"

สีปั่นจักรยานไปรอบ ๆ เมือง แต่งกายคล้ายพ่อครัวทหาร และแนะนำตัวเองว่าเป็นเลขาธิการพรรคฯ ประจำเมืองเล็ก ๆ สีไม่เคยบอกอ้างถึงพื้นเพทางครอบครัวแต่ประการใด นายหวัง โหยวฮุ่ย อดีตเพื่อนร่วมงานสีเล่า "สีมักจะเลี้ยงข้าวเสมอ สีไม่ต้องการให้ใครมาดูแลเอาใจเป็นพิเศษแต่ประการใด"
ภาพถ้ำขุดที่ชาวบ้านพักอาศัย ครั้งหนึ่งสีเคยอยู่ที่นี่ (ภาพเอเยนซี)
พื้นฐานความเป็นผู้นำทำให้เขาเข้าไปสู่เครือข่ายผู้นำระดับสูง ปักกิ่งก็สนับสนุนนโยบายระดับท้องถิ่นของสีเป็นอย่างดี สียังได้รับความเคารพเชื่อมั่นจากทั้งฝั่งบริหารและฝั่งกลาโหม แม้ว่าส่วนหนึ่งจะมาจากบารมีของบิดาก็ตาม

ในขณะเดียวกัน การใช้ชีวิตหลายปีในมณฑลต่าง ๆ ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าสีไม่เล่นข้างทางการเมืองอย่างชัดเจน ทำให้เขาเป็นคนกลาง ๆ เป็นผู้น่าเชื่อถือ เป็นผู้ที่เข้าอกเข้าใจแรงงานจีนที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อปากท้อง และเข้าใจหัวอกนักธุรกิจในขณะเดียวกัน

ด้วยความช่วยเหลือของบิดา สีกระโดดขึ้นเป็นรองนายกเทศมนตรีซย่าเหมินในปี 2528 จากนั้นก็ได้ทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ ต่อมาอีก 17 ปี สีได้สร้างความน่าเชื่อถือในการดึงดูดนักลงทุน สีแขวนป้ายผ้าติดไว้ที่ห้องโถงของสำนักงานมณฑลว่าความว่า "จงทำให้ลุล่วง"

ต่อมาสีดำรงตำหน่งสูงในมณฑลเจ้อเจียง อันเป็นแหล่งทุนอุตสาหกรรมเอกชน ประชาสังคมที่เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหว สภาที่นี่ไม่มีสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์นั่งบริหาร กิจการเคลื่อนไหวโบสถ์เถื่อนมากมาย นายหลี่ ไป๋กวง นักกฎหมายด้านสิทธิในเจ้อเจียงขณะนั้นเผยว่า สีไม่ได้ทำให้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์อ่อนแอลง แต่ก็สามารถเห็นได้ว่าสีมีความเป็นห่วงเป็นใยชีวิตของชานาและประชาชนทั่วไปอย่างมาก

สีกู้เกียรติยศและศักดิ์ศรีของพรรคคอมมิวนิสต์กลับคืนมา ด้วยการจัดการปัญหาที่ประชาชนในเมืองชีว์โจวพร่ำบ่นมาเป็นเวลานานในวันเดียว สีจัดตั้งเจ้าหน้าที่ชั่วคราว 15 คน เพื่อแก้ปัญหาการไล่ที่ ผลประโยชน์การจ้างงานและประเด็นอื่น ๆ ที่มีผู้ร้องเรียนกว่า 300 คน 70 กรณีด้วยกัน

อดีตขุนคลังสหรัฐฯ เฮนรี พอลสัน ครั้งหนึ่งเคยเรียกสีว่า "ชายผู้ล่วงรู้วิธีบรรลุเป้าหมาย"

หลังจากเข้ารับตำแหน่งที่เซี่ยงไฮ้ สีก็ถูกส่งตัวไปยังกรุงปักกิ่งและเข้ารับตำแหน่งสูงดูแลกีฬาโอลิมปิกในปี 2551 นอกจากนั้นสียังได้รับตำแหน่งจัดการความสัมพันธ์กับฮ่องกง อดีตเกาะที่อยู่ภายใต้อาณัติของอาณานิคมอังกฤษมาแสนนาน

สตีฟ ถังผู้อำนวยการสถาบันวิจัยตำรวจจีน ณ มหาวิทยาลัยน็อตติงแฮมในบริเตน เผยว่า ประเทศเพื่อนบ้านจีนรวมทั้งสหรัฐฯ ด้วย จะต้องเตรียมตัวรอดูรัฐบาลจีนภายใต้การบริหารงานของสี ซึ่งจะมีนโยบายเชิงรุกมากกว่าหู

อดีตทูตจีนประจำปักกิ่ง จอน ฮันท์สแมนเผยว่า "สีเป็นชายที่ต่างไปจากหู จิ่นเทา เพราะสีเป็นคนที่สามารถติดต่อด้วยได้"
กำลังโหลดความคิดเห็น