ASTVผู้จัดการ – สื่อจีนเผย “ครอบครัวทักษิณ” มีเอี่ยว 1 ใน 3 ส่วน ของเงินลงทุนก้อนแรกในการซื้อหุ้นผิงอัน บริษัทประกันยักษ์ใหญ่ของจีน จากเอชเอสบีซีของเครือซีพีที่มีมูลค่ากว่า 15,200 ล้านเหรียญฮ่องกง
สืบเนื่องจากการแถลงข่าวของเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส (HSBC Holdings) เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2555 โดยตกลงขายหุ้นทั้งหมดในบริษัทจีนของตน ผิงอัน อินชัวแรนซ์ (Ping An Insurance Group) ให้แก่ บริษัทไทยคือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) มูลค่าราว 9,385 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 72,736 ล้านเหรียญฮ่องกง (ประมาณ 2.9 แสนล้านบาท) หรือเท่ากับหุ้นร้อยละ 15.57 ในราคาหุ้นละ 59 เหรียญฮ่องกง โดยนับเป็นการตัดทอนการลงทุนครั้งใหญ่สุดในรอบอย่างน้อย 17 ปี ของ เอชเอสบีซี
ล่าสุดนิตยสารรายสัปดาห์ไฉซิน ซินซื่อจี้ (财新新世纪) ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจการเงินในประเทศจีนฉบับที่ 50 ของปี ค.ศ.2012 ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2555 ได้นำเสนอเรื่องราวดังกล่าวเป็นข่าวปกโดยใช้ชื่อรายงานว่า “ใครซื้อผิงอัน?”
รายงานชิ้นยาวดังกล่าว เกริ่นว่า กลุ่มผิงอัน อินชัวแรนซ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2531 หรือ 24 ปีก่อนในเมืองเซินเจิ้น โดยในตอนแรกทำธุรกิจด้านการประกันภัย ก่อนที่ต่อมาจะขยายกิจการ และกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจไปลงทุนและเปิดให้บริการทางด้านการเงินมากมายจนทำให้จากทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 42 ล้านหยวน งอกเงยเป็นสินทรัพย์มากกว่า 2.28 ล้านล้านหยวนในปัจจุบัน
รายงานระบุว่า ในขั้นตอนของการซื้อขายหุ้นของผิงอันดังกล่าวซึ่งเอชเอสบีซีขายหุ้นให้กับเครือซีพีซึ่งมีนายใหญ่คือ เซี่ย กั๋วหมิน หรือ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนนั้น ขั้นตอนแรกการซื้อขายเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยเป็นการถ่ายหุ้นราวร้อยละ 3.5 หรือคิดเป็นมูลค่าราว 15,200 ล้านเหรียญฮ่องกง ขณะที่การซื้อขายหุ้นก่อนใหญ่ในขั้นที่สองราวร้อยละ 12 ที่เหลือนั้นต้องทำให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556
ทั้งนี้นิตยสารรายสัปดาห์ไฉซิน ซินซื่อจี้ ระบุว่า แม้เครือซีพีจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ แต่ก็เป็นที่น่าสงสัยอยู่ดีว่าเอาเงินซื้อหุ้นของผิงอันมาจากแหล่งใด
“แม้เครือเจริญโภคภัณฑ์ (หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “เจิ้งต้า”) จะมีขนาดไม่เล็ก สินทรัพย์สุทธิในปี 2554 ก็มากถึง 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่การเข้าไปฮุบหุ้นใหญ่ของผิงอันที่มีมูลค่ากว่า 9,385 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในครั้งเดียวก็เป็นเรื่องที่ผู้คนทั่วไปยากจะนึกถึง ถามว่าเงินทุนในการซื้อหุ้นดังกล่าวมาจากไหน?” นิตยสารรายสัปดาห์ของจีนตั้งคำถาม
ก่อนที่ปริศนาจะถูกคลี่คลายเมื่อทางซีพีออกมาเปิดเผยว่า เงินส่วนใหญ่ที่จะนำมาซื้อผิงอันนั้นเป็นเงินกู้มาจากธนาคารเพื่อการพัฒนา (CDB) ที่เป็นของรัฐบาลจีนโดยได้รับการอนุมัติจาก คณะกรรมการกำกับการประกอบธุรกิจประกันภัยของจีน (China Insurance Regulatory Commission)
นอกจากนี้จากการตรวจสอบของนิตยสารไฉซิน ซินซื่อจี้ยังพบด้วยว่า เงินก้อนแรกจำนวน 15,200 ล้านเหรียญฮ่องกง ที่ซีพีนำไปซื้อหุ้นก้อนแรกจากเอชเอสบีซีราว ร้อยละ 3.5 เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. นั้น 1 ใน 3 ของเงินก้อนดังกล่าวน่าจะมาจากครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ขณะที่อีกส่วนน่าจะมาจากนายเซียว เจี้ยนหัว เซียนด้านการลงทุนของจีน
ทั้งนี้นิตยสารจีนฉบับดังกล่าวยังระบุถึงประวัติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยว่า ครอบครัวของทักษิณนั้นเป็นครอบครัวระดับหัวแถวมหาเศรษฐีในแวดวงการเมืองและธุรกิจของประเทศไทย โดยเคยเป็นถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอันดับที่หนึ่งของเมืองไทย ก่อนที่ต่อมาจะก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ชนะการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 และแม้จะต้องหลบหนีอยู่นอกประเทศหลังจากเหตุการณ์รัฐประหารในปี 2549 แต่ปัจจุบันทักษิณก็ยังมีน้องสาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งชนะการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกรกฎาคม 2554 ดำรงนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย