เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - แหล่งข่าวหลายแห่งระบุ เงินจำนวนกว่าครึ่งที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) นำไปซื้อหุ้น จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทผิงอันประกันภัยนั้น ล้วนกู้มาจากธนาคารเพื่อการพัฒนา (ดีซีบี) ที่เป็นของรัฐบาลจีน ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการตลาดเผยว่า เรื่องแบบนี้นับว่าเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เอชเอสบีซีประกาศขายหุ้นส่วน 15.6 เปอร์เซ็นต์ในบริษัทผิงอันประกันภัย ซึ่งเป็นประกันยักษ์ใหญ่อันดับสองในจีนของตนให้แก่เครือเคริญโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นบริษัทบริหารงานลักษณะครอบครัวไทย-จีน อันมีสัมพันธ์สนิทแนบแน่นกับรัฐบาลปักกิ่ง
ขณะนี้รายละเอียดยังไม่ชัดเจนนัก เอชเอสบีซีเพียงเผยว่า การทำธุรกรรมในสองระดับแรกจะไม่เปิดเผย อันดับแรกซีพีจะต้องจ่ายเงินด้วยเงินของตัวเองก่อนมูลค่าเท่ากับ 20 เปอร์เซ็นต์ของหุ้นส่วนที่ซื้อ ในอันดับที่สอง เป็น 80 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ จะจ่ายด้วยเงินที่มาจากซีพีเองส่วนหนึ่ง และมาจากธนาคารเพื่อการพัฒนาของจีนอีกส่วนหนึ่งประสมกัน
ทั้งเอชเอสบีซีและซีพี ต่างก็ไม่เผยว่าเงินที่ซีพีจะกู้จากธนาคารเพื่อการพัฒนาจีน มาจ่ายอีก 80 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือนั้นมีจำนวนเท่าใด
แหล่งข่าวด้านอุตสาหกรรมการเงิน ซึ่งตามติดกระแสการทำธุรกรรมดังกล่าว เผยกับเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ว่า เงินส่วนใหญ่ที่ได้มานั้นล้วนมาจากธนาคารบนแผ่นดินใหญ่ให้การสนับสนุน
การทำธุรกรรมลักษณะนี้ถือว่าผิดปรกติและมีความเสี่ยง มีคำถามท่วมท้นว่า เหตุไรปักกิ่งจึงยอมให้ผู้ลงทุนต่างชาติเช่นซีพี สามารถกู้ยืมเงินจากธนาคารของรัฐ มาซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ของจีนเอง
ดูเหมือนว่า ซีพีผู้มีประสบการณ์ด้านธุรกรรมการเงินที่ค่อนข้างจำกัด จะไม่นำประเด็นเรื่องเงินทุนหรือความเชี่ยวชาญมาพิจารณาในการซื้อหุ้นในครั้งนี้เลย
แหล่งข่าวไม่เผยนาม ระบุว่า การปล่อยเงินกู้จำนวนมหาศาลให้แก่การทำธุรกรรมที่มากถึง 9,400 ล้านเหรียญฯ ของซีพีนี้ ย่อมต้องผ่านความเห็นชอบของผู้นำระดับบิ๊กของจีนก่อน
แหล่งข่าวแห่งหนึ่งเผยว่า "การทำธุรกรรมขนาดใหญ่เช่นนี้ คณะมุขมนตรีจีนจะต้องผ่านความเห็นชอบก่อน ธนาคารซีดีบีของจีนจึงจะสามารถปล่อยกู้ได้" ประธานคณะมุขมนตรีคนปัจจุบันยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีเวิน จยาเป่า ซึ่งจะหมดวาระในปีหน้านี้แล้ว
แหล่งข่าวถามแบบเย้ยว่า "หากว่าบรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์ของมะกันบอกว่าจะขอซื้อหุ้นส่วนในบริษัทผิงอัน แต่ว่าเงินไม่พอ อยากจะขอยืมสักหน่อย ซีดีบีจะว่าอย่างไร รัฐบาลจีนจะอนุมัติหรือไม่"
ในปี 2549 กลุ่มสถาบันซิตี้กรุ๊ปประมูลซื้อหุ้นส่วนใหญ่จากธนาคารเพื่อการพัฒนาก่วงตงประมาณ 86 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทว่าซิติ้กรุ๊ปจะต้องได้รับอนุญาตพิเศษจากองค์กรระดับสูงของรัฐบาลกลางเสียก่อน จึงจะสามารถกู้เงินจากธนาคารของจีนไปซื้อหุ้นได้
หากมองในเชิงเปรียบเทียบแล้วถือว่า กรณีที่ซีพีซื้อหุ้นส่วนในครั้งนี้เป็นความพิเศษกว่าทุก ๆ ครั้ง แหล่งข่าวเผยว่า เมื่อเอชเอสบีซีมีความคิดที่จะขายหุ้นส่วน ก็ได้เล็งเห็นว่าซีพีเป็นผู้ซื้อที่มีศักยภาพเสียแต่ต้นแล้ว
"เริ่มต้นนั้น ซีพีก็ดูไม่ได้กังวลอะไรหนักหนา เพราะรู้ตัวเองไม่ได้มีเงินทุนพอเพียงที่จะมาซื้อหุ้นของบริษัทในเครือเอชเอสบีซี แต่ว่าทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อดีซีบีก้าวเข้ามา และบอกว่าจะช่วยปล่อยเงินกู้ ทำให้การทำธุรกรรมในครั้งนี้ลุล่วงรวดเร็วปานฟ้าแลบ" แหล่งข่าวไม่เผยนามทิ้งท้าย
