ASTVผู้จัดการออนไลน์--จีนได้ประกาศ “การปรับใหญ่” ครั้งที่สองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในวันที่ 18 ธ.ค. เพียงแค่ระยะเวลา 3 วันนี้ มีการแต่งตั้งโยกย้ายถึง 16 ตำแหน่ง ได้แก่ ผู้นำสูงสุดทั้งในส่วนคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ และการปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ สื่อนานาชาติเห็นพ้องว่า เป็นการเลื่อนขั้นภายในท้องที่เดิมนี้ เป็นการปรับโยกย้ายด้วยบุคคลที่มีแนวคิดหรืออุดมการณ์เดียวกัน การเน้นสรรหาบุคคลจากผู้เปี่ยมประสบการณ์ ตลอดจนการพ้นตำแหน่งของเจ้าหน้าที่รัฐเก่าแก่ คือ ภาพสะท้อนกลยุทธ์ก้าวย่างที่มั่นคงของ “พญามังกร” สี จิ้นผิง ว่าที่ประมุขมังกรคนใหม่
“การปรับใหญ่” นี้ นับเป็นการโยกย้ายใหญ่ระลอกสองหลังการประชุมสมัชชาพรรคฯครั้งที่ 18 เมื่อกลางเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีวาระสำคัญคือรับรองการถ่ายโอนอำนาจผู้นำจีนในรอบสิบปี โดย สี จิ้นผิง ได้นั่งตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคฯ และประธานคณะกรรมการกลางการทหารแห่งพรรคฯ แทนที่ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา และสี จะนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีในเดือนมี.ค.ปีหน้า นำขบวนผู้นำรุ่น 6 ปกครองประเทศจีนไปอีก 10 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ตามธรรมเนียมการครองอำนาจปกครองของจีน วาระตำแหน่งผู้นำสูงสุด มีระยะเวลา 5 ปี และจะครองอำนาจกันสองสมัยซ้อน
กลยุทธ์ “ก้าวย่าง ด้วยความมั่นคง”
เป็นที่สังเกตว่า “การปรับใหญ่” ของพญามังกรในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะตำแหน่งผู้บริหารส่วนท้องถิ่นนั้น จะเป็นการเลื่อนขั้นภายในท้องที่เดิมของบุคลที่มีแนวทางการบริหารที่โดดเด่นเสียเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ ซย่า เป่าหลง อดีตนายกเทศมนตรีมณฑลเจ้อเจียง ขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯประจำมณฑลเจ้อเจียง, เจ้า เจิ้งหย่ง อดีตรองเลขาธิการพรรคฯและนายกเทศมนตรีมณฑลส่านซี ขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการมณฑลส่านซี, หวาง หรูหลิน อดีตนายกเทศมนตรีมณฑลจี๋หลิน ขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯประจำมณฑลจี๋หลิน เป็นต้น
นอกจากนี้ ก็เป็นการปรับโยกย้ายด้วยบุคคลที่มีแนวคิดหรืออุดมการณ์เดียวกัน เช่น การที่หู ชุนฮวา วัย 49 เข้าดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯประจำมณฑลก่วงตงแทนวาง หยางได้เพราะทั้งสองท่านต่างมีวิสัยทัศน์ที่เปิดกว้าง ทุ่มเทให้กับการปฏิรูปเศรษฐกิจ เข้มงวดในกฎระเบียบกับคณะทำงาน ตรงไปตรงมาและไม่เห็นแก่พวกพ้อง เป็นต้น
หวาง จวิน ผู้ว่าการมณฑลซานซี ถูกโยกย้ายมานั่งเก้าอี้เขาธิการพรรคฯประจำมองโกเลีย แทนที่ หู ชุนฮวา
ในการประกาศโยกย้ายฯครั้งนี้ หลี่ เสี่ยวเผิง วัย 53 (ลูกชายอดีตนายกรัฐมนตรีหลี่ เผิง) แม้ว่าจะเป็นรองนายกเทศมนตรีมณฑลซานซีลำดับที่สอง แต่ก็ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯประจำมณฑลซานซี แทนที่จะเป็นจิน เต้าหมิง รองผู้ว่าการมณฑลซานซีลำดับหนึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไป ทั้งนี้ หลี เสี่ยวเผิงให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เขาจะเป็นมิตรสหายที่ดีและเพื่อนร่วมงานที่ดีของทุกคน อีกทั้งจะวางตนเป็นนักเรียนที่พร้อมจะเรียนรู้จากผู้ใต้บังคับบัญชาและเหล่าประชาชน
เผิง ชิงฮวา ผู้อำนวยการสำนักประสานงานแห่งฮ่องกง ถูกโยกมากินตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯประจำเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงก่วงซี ซึ่งหลายฝ่ายจับตามองว่าจะเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของพรรค กล่าวว่า การมีหัวหน้างานคนใหม่และต้องปฎิบัติภารกิจในสภาพแวดล้อมใหม่ ทำให้สำนึกถึงความรับผิดชอบที่สูงขึ้นตามมาด้วย ทั้งนี้ ก็พร้อมเรียนรู้และมุมานะที่จะปรับตัวให้เร็วที่สุด
ด้านเลขาธิการพรรคฯประจำมณฑลฝูเจี้ยนคนใหม่คือ โหยว ฉวน ผู้มีสัมพันธ์แนบแน่นกับหลี่ เค่อเฉียง ว่าที่นายกฯ ให้ความเห็นว่าภายใต้การบริหารของตนเองจะมุ่งไปที่ความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นเรื่องแรก โดยเน้นไปในด้านประกันสังคม การรักษาพยาบาล การศึกษาและการจ้างงาน
ทั้งนี้ ผู้นำพรคคอมมิวนิสต์จีนได้เริ่มดำเนินการโยกย้ายตำแหน่งผู้นำระดับสูงสุดหลังการประชุมสมัชชาพรรคฯกลางเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ระลอกแรก ได้แก่ การโยกย้ายตำแหน่งสำคัญในคณะกรรมการกลางพรรคฯ ได้แก่ เมิ่ง เจี้ยนจู้ รัฐมนตรีว่าการพิทักษ์สันติราษฎร์ ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักการเมืองและกฎหมาย พร้อมกันนี้ เจ้า เล่อจี้ ก็ได้ย้ายจากเลขาธิการพรรคฯประจำมณฑลส่านซี เข้ามาเป็นประธานฝ่ายการจัดตั้งองค์กรกลางของพรรคฯ
อีกทั้งยังปรากฎตัวอย่างของผู้ที่ผ่านการคลุกคลีในระดับท้องถิ่นมาอย่างโชกโชนจึงสามารถดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะกรรมการกลางได้ เช่น เจ้า เล่อจี้ อดีตผู้ว่าการ/เลขาธิการพรรคฯประจำมณฑลชิงไห่ และเลขาธิการพรรคฯมณฑลส่านซี ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายการจัดตั้งองค์กรกลางพรรคฯ
เมิ่ง เจี้ยนจู้ อดีตรองผู้ว่าและรองเลขาธิการเมืองช่างไห่ (เซี่ยงไฮ้) อดีตเลขาธิการพรรคฯมณฑลเจียงซี และรัฐมนตรีว่าการพิทักษ์สันติราษฎร์ ขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการกลางพรรคฯ
ตลอดจน “ปรากฏการณ์ทั่วสารทิศชี้นิ้วสั่งได้” เช่น กรณีของโจว หย่งคัง หลุดจากตำแหน่งเลขาธิการสำนักการเมืองและกฎหมายกลาง พร้อมกับการพ้นจากสมาชิกภาพคณะกรรมประจำกรมการเมืองพรรคฯที่แม้จะเคยดำรงสมาชิกภาพมาถึง 10 ปีก็ตาม
และ ซุน เจิ้งไฉ วัย 60 ไปกินตำแหน่งเขาธิการพรรคฯประจำนครฉงชิ่ง เก็บกวาดบ้านให้เข้าที่เข้าทางหลังจากเกิดมหกรรมอื้อฉาวใหญ่ ครอบครัว-พวกพ้องปั๋ว ซีไหล จนปั๋ว ซีไหล ถูกปลดออกจากเลขาธิการพรรคฯฉงชิ่ง
เพราะวางตัวบุคคลด้วยบรรทัดฐานที่ชัดเจนเช่นนี้ ส่งผลให้สื่อนานาชาติเห็นพ้องว่า มุ่งเน้นประสบการณ์และอุดมการณ์ที่ตรงกัน คือ กลยุทธ์ก้าวย่างที่มั่นคงของสี จิ้นผิง
การโยกย้ายไม่จบเพียงเท่านี้
เรื่องที่น่าจับตามองก็คือ การปรับใหญ่ครั้งนี้ ทำให้ “ดาวการเมือง” หลายคนยังว่างงาน ซึ่งคาดการณ์กันว่า ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอาจตกเป็นของ วาง หยาง อดีตเลขาธิการพรรคฯประจำมณฑลก่วงตง รวมถึงคณะรัฐมนตรีกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์และกระทรวงตำรวจที่อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
อนึ่งผู้บริหารกลุ่มใหม่ที่ได้รับแต่งตั้งกว่าครึ่งมีอายุเฉลี่ยประมาณ 50 ปี ในขณะที่สี จิ้นผิง ผู้นำพญามังกรจะมีอายุครบ 60 ปี ในวันที่ 1 มีนาคม ปีหน้า การจัดทัพผู้บริหารครั้งนี้จึงเป็นทั้งเรื่องการบริหารประเทศและการวางหมากการเมืองรองรับผู้นำคนต่อไป
คลิกอ่าน :
“สี จิ้นผิง” นั่งเก้าอี้นายใหญ่พรรคฯ-กุมทหาร เปิดตัว 7 บิ๊กแดนมังกรกรมการเมืองฯ กุมชะตาประเทศต่อ
ประวัติ 7 อรหันต์ คณะผู้นำสูงสุดของจีนรุ่นที่ 5
พญามังกรเริ่มโยกย้าย "ขุนพลใหญ่" ในพรรคฯ หั่นอิทธิพลหน่วยคุมการศาลยุติธรรมที่เคยใหญ่คับฟ้า