เผยผู้นำรุ่นใหม่รออยู่ในคิวแล้ว

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์--สมาชิกคณะกรรมการหมุนเวียนของกรมการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งจากการประชุมสมัชชา 18 ในครั้งนี้ มีสมาชิกหน้าใหม่ด้วยกัน 15 คน ในจำนวนนี้ มี 2 คน ที่กลุ่มนักวิเคราะห์มองว่า จะเป็นคู่ท้าชิงตำแหน่งสูงสุด นำประเทศต่อจาก สี จิ้นผิง ในอีกสิบปีข้างหน้า

การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ชุดที่ 17 ระหว่างวันที่ 8-14 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกลุ่มผู้นำรุ่นที่ 5 ได้แก่ คณะกรรมการกลางพรรคฯรุ่นใหม่ ชุดที่ 18 (มีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 376 คน) และคณะกรรมการกลางพรรคฯชุดใหม่นี้ก็ได้เลือกตั้งคณะกรรมการกรมการเมืองหรือโปริตบูโร ซึ่งเป็นองค์กรยอดกล่องดวงใจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ทั้งนี้คณะกรรมการกรมการเมืองฯนี้ มีสองระดับ ได้แก่ คณะกรรมการหมุนเวียนกรมการเมือง 25 คน และคณะกรรมการประจำกรมการเมือง 7 คนผู้ทรงอิทธิพลอำนาจสูงสุด ผู้นำในคณะกรรมการประจำกรมการเมืองคือ ผู้ที่จะได้ครองตำแหน่งสูงสุดของประเทศ ขณะนี้ สี จิ้นผิงได้กินตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯแทน หู จิ่นเทา นำขบวนผู้นำรุ่นที่ 5 ครองแผ่นดินมังกรต่อไป 5 ปี

ผู้นำ 2 คน ในคณะกรรมการกรมการเมือง ที่เพิ่งได้รับเลือกใหม่ ที่ถูกจับตามองมากที่สุดว่าคือดาวรุ่งการเมืองที่จะได้รับคทาอำนาจครองแผ่นดินในกลุ่มผู้นำรุ่นที่ 6 ในปีพ.ศ. 2563  คือ นาย หู ชุนหวา เลขาธิการพรรคฯประจำเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน และนายซุน เจิ้งไฉ เลขาธิการพรรคฯประจำมณฑลจี๋หลิน

เป็นที่คาดว่า ในเร็วๆนี้ ก็จะมีการโยกย้ายให้ หู ชุนหวา และซุน เจิ้งไฉ ซึ่งทั้งสองอยู่ในวัย 49 ไปนั่งเก้าอี้ยุทธศาสตร์สำคัญ  โดยหู ชุนหวา จะได้ไปครองตำแหน่งสูงสุดในมณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง)ซึ่งเป็นขุมพลังเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของประเทศ  ในขณะที่ ซุน ก็จะถูกส่งไปกินตำแหน่งสูงสุดในนครฉงชิ่ง ซึ่งกำลังจัดบ้านจัดช่องให้เข้าที่เข้าทางหลังจากที่เผชิญศึกวุ่นวายทางการเมืองจากกรณีอื้อฉาวที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์พรรคฯ นั่นคือ กรณีอื้อฉาวอดีตเลขาธิการพรรคฯแห่งฉงชิ่ง ปั๋ว ซีไหล ซึ่งพัวพันกับคดีฆาตกรรมชาวอังกฤษที่ภรรยาของเขาเป็นผู้สังหาร และคอร์รัปชั่น  โดยพรรคฯได้ลงโทษขั้นเด็ดขาดขับปั๋วออกจากพรรคฯ

กลุ่มนักวิเคราะห์มองว่าทั้งสองคนจะต้องแสดงความสามารถของตนอย่างเต็มที่ ในบททดสอบนี้ เพื่อที่จะได้บันทึกประสบการณ์อันทรงคุณค่าลงในประวัติเส้นทางการเมืองได้อย่างสง่างาม

ทั้งนี้การเตรียมความพร้อมในทุกๆด้านให้กับผู้นำรุ่นใหม่ ถือเป็นประเพณีปฎิบัติสำหรับการก้าวขึ้นเป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ดั่งเช่นที่นายหู จิ่นเทา ได้รับการคัดสรรและวางตัวโดย เติ้ง เสี่ยวผิง

พ้องกับการที่นายหู ชุนหวา ถูกขนานนามว่า “หูน้อย” (Little Hu) เนื่องจากเขาได้ดำเนินเส้นทางการเมืองที่คล้ายกับ “ผู้อาวุโสหู” (นายหู จิ่นเทา) ซึ่งเป็นผู้นำที่โดดเด่นระหว่างดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการโปริตบูโร หู จิ่นเทาซึ่งได้ลงจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯ จะมีอายุ 75 ปี ในการประชุมสมัชชาพรรคฯ (จัดทุก 5 ปี) ครั้งหน้า และยังมีโอกาสดันศิษย์ก้นกุฏิของตนเข้าสู่องค์กรสูงสุดแห่งคณะกรรมการประจำกรมการเมือง ส่วนผู้นำเฒ่า เจียง เจ๋อหมิน ก็จะมีวัย 92 ปี พละกำลังอำนาจไม่น่าจะสู้หูได้

คณะกรรมการประจำกรมการเมืองปัจจุบัน 5 ใน 7 ต้องเกษียณในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อปูทางพร้อมบ่มเพาะคนรุ่นใหม่ให้ก้าวเข้าสู่เวทีทางการเมืองต่อไป มีเพียงนายสี จิ้นผิง และนายหลี่ เค่อเฉียงเท่านั้น ที่ยังคงนั่งในคณะกรรมการประจำกรมการเมืองต่อหลังการประชุมสมัชชาพรรคฯที่ 19 ปีพ.ศ. 2560

“ผมไม่เชื่อว่าผู้นำรุ่นที่ 6 จะดำเนินนโยบายที่ออกนอกลู่นอกทางไปจากผู้นำรุ่นก่อนมากนัก ความต่อเนื่องเป็นแนวคิดที่อยู่ในสายเลือดของพรรคฯ ซึ่งความเปลี่ยนแปลง ไม่ได้อยู่ในบรรทัดฐานนั้น” นายปั๋ว จื้อเยี่ย นักเฝ้ามองจีนแห่ง National University of Singapore กล่าว