ชี้ มันสมองและเศรษฐีแดนมังกรยอมทิ้งมาตุภูมิไปอยู่ต่างแดนเป็นประวัติการณ์

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ชาวจีนโพ้นทะเลกว่า 150,000 คน ได้กลายเป็นพลเรือนแบบถาวรของหลายประเทศ อาทิ สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ฯ ไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา จีนได้กลายเป็นประเทศที่ประชากรอพยพข้ามประเทศมากสุดในโลก

ศูนย์จีนและโลกาภิวัตน์ (ซีซีดี) ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ของสถาบันเทคโนโลยีปักกิ่ง (บีไอที) เผยงานวิจัยในสมุดปกน้ำเงินประจำปีไชนีสอินเทอร์เนชั่นแนลทาเล้นท์ รายงานด้านการอพยพข้ามประเทศปี 2555 เมื่อวันจันทร์ (17 ธ.ค.) ระบุ การอพยพทั่วโลกเพิ่มจำนวนขึ้นจาก 195 ล้านคนในปี 2548 เป็น 214 ล้านคนในปี 2553 คิดเป็นสัดส่วน 3.1 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก

การยพยพเข้าและออกของจีนถีบตัวสูงในทศวรรษที่ผ่านมา ในปี 2553 จำนวนชาวจีนโพ้นทะเลสูงแตะ 45 ล้านคน จัดเป็นอันดับสูงสุดในโลก

สถาบันวิจัยหูรุ่นและธนาคารแห่งชาติจีนได้เผยผลการวิจัยอีกฉบับเมื่อปี 2554 ระบุว่า ชาวจีนผู้มั่งคั่งคิดเป็น 14 เปอร์เซ็นต์ มีแนวโน้มที่จะย้ายถิ่นฐานออก หรือกำลังอยู่ในกระบวนการย้าย

นอกจากนั้น พวกที่จะย้ายแบบถาวรไปตั้งหลักปักฐานในต่างแดน คิดเป็น 46 เปอร์เซ็นต์ พวกเขาใช้กระบวนการอพยพผ่านการลงทุนเช่น การเข้าไปลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ การเข้าไปฝากเงิน หรือการเข้าไปถือหุ้นส่วน เหล่านี้เป็นพื้นฐานเบื้องต้นของการลงทุนที่พวกเขาจำต้องย้ายเข้าไปในประเทศนั้น ๆ อย่างง่ายดาย

ศูนย์บริการสิทธิพลเรือนและการอพยพของสหรัฐฯ (ยูเอสซีไอเอส) แถลงว่า ผู้อพยพที่ถือวีซ่า EB-5 ซึ่งหมายถึงเป็นอพยพที่เข้ามาทำโครงการการลงทุนในประเทศ เป็นคนจีนถึง 41 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่สำนักงานอพยพและสิทธิพลเมืองของออสเตรเลียก็รายงานว่า ผู้อพยพที่เข้ามาในโครงการธุรกิจฝีมือต่าง ๆ เป็นชาวจีนถึง 61.5 เปอร์เซ็นต์

มันสมองและทรัพย์สินของจีนกำลังไหลออกจากแดนมังกรเพิ่มทวีขึ้น แรงงานที่มีฝีมือสูงทักษะดี ตลอดจนปัจเจกชนที่มั่งคั่ง กำลังเริ่มเดินทางออกนอกประเทศ คิดเป็นจำนวนมากทุบสถิติ พวกเขาอ้างว่าที่อพยพเนื่องจากต้องการไปแสวงหาการศึกษา การบริการที่ดี สิ่งแวดล้อมการลงทุนที่ปลอดภัย ตลอดจนต้องการมีมาตรฐานการครองชีพที่สูงกว่าเดิม

รายงานสรุปผลโดยระบุแนวโน้มของการอพยพไว้ 6 ประการได้แก่ การอพยพข้ามชาติจะเพิ่มจำนวนและสลับซับซ้อนมากขึ้น ทำนายว่าภายในปี 2593 ผู้อพยพไปนอกจะมากถึง 405 ล้านคน, แรงงานฝีมือจะอพยพมากขึ้น, จะมีการผสมกลมกลืนระหว่างผู้อพยพกับคนในพื้นที่เดิมสูง, สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการอพยพจะดีขึ้น, องค์กรเอ็นจีโอจะเข้ามามีบทบาทและเพิ่มจำนวนขึ้น, และประการสุดท้าย รูปแบบการอพยพที่ผิดปรกติก็จะมากขึ้นตามไปด้วย