เอเยนซี--ไซว่ไซว่ วัย 5 ขวบ จากไปด้วยโรคลูคีเมียเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยพ่อแท้ๆ ของหนูน้อย ไม่มาพบหน้า ไม่ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล และที่ร้ายแรงที่สุดคือ ไม่ยอมบริจาคไขกระดูกให้กับลูกชายของตนเอง จนเมื่อที่ 22 ต.ค. เขาเขียนข้อความลงในเวยปั๋ว (เว็บบล็อกยอดนิยมของจีน) ว่า “ผมทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ”
สื่อจีนรายงาน (24 ต.ค.) ไซว่ไซว่เกิดเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2550 ในกรุงปักกิ่ง 4 ปีต่อมา (ส.ค. 2554) เกิดป่วยหนัก เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลประชาชน กรุงปักกิ่ง จนพบว่าเป็นโรคลูคีเมีย หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (Acute leukemia) ต้องได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกเท่านั้นจึงจะดีขึ้น หลังจากที่แพทย์ตรวจสอบพ่อและแม่ พบว่าพ่อของไซว่ไซว่มีความเหมาะสมที่จะบริจาคไขกระดูก เนื่องจากมีหมู่เลือดตรงกัน และเพศเดียวกัน
หลังจากที่ลูกชายป่วย หลี่ หยังหยัง ผู้เป็นแม่จึงลาออกจากงาน และมาคอยดูแล อยู่เป็นเพื่อนที่โรงพยาบาลตลอดเวลา แต่ หู ปิน (นามสมมติ) สามีและพ่อของไซว่ไซว่ อยากให้ตั้งครรภ์ลูกอีกคน ซึ่งนางหลี่ไม่ยินยอม จึงเริ่มมีรอยร้าวระหว่างทั้งคู่
เมื่อต้นเดือนพ.ค.ที่ผานมา (2555) โรงพยาบาลขอให้นายหู ผู้เป็นพ่อมาพบเพื่อพูดคุยเรื่องการปลูกถ่ายฯ แต่นายหูไม่ยอมไป และยังปฏิเสธที่จะบริจาคไขกระดูก และหยุดการให้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมถึงค่ารักษาพยาบาลของลูกในแต่ละเดือน รวมทั้ง ทำเรื่องขอหย่าอีก
นางหลี่ แม่ของไซว่ไซว่จึงต้องไปฟ้องต่อศาล เรียกร้องให้นายหูจ่ายค่าดูแลเป็นเงิน 30,000 หยวน/เดือน และเงินประกัน พร้อมทั้งกล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายหลังจากการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกยิ่งต้องมีมากขึ้น คนอย่างเขา (นายหู) กลัวที่จะเสียทั้งลูก สูญทั้งเงิน”
ศาลในกรุงปักกิ่งมีคำตัดสิน ให้นายหูจ่ายค่าดูแลเป็นเงิน 3,000 หยวน/เดือน ตั้งแต่เดือนต.ค.นี้เป็นต้นไป จนกว่าไซว่ไซว่จะอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ขณะเดียวกันก็จะต้องจ่ายเงินประกันจำนวน 100,000 หยวนให้แก่นางหลี่
ก่อนหน้าที่ไซว่ไซว่จะเสียชีวิต เขาเคยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้พบหน้าพ่อมานานมากแล้ว คนที่เขารักมากที่สุดในบ้านคือคุณยาย และความหวังเดียวที่เขาจะพูดกับพ่อก็คือ “แค่พ่อให้เงินผมมารักษาก็พอแล้ว”
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (21 ต.ค.) ร่างของไซว่ไซว่ทำพิธีอยู่ที่หลุมฝังศพปาเป่าซานในกรุงปักกิ่ง แต่ไร้วี่แววนายหูและครอบครัว
วันต่อมา นายหูเขียนข้อความลงในเวยปั๋วว่า ภรรยาตนใช้เงินของลูก และเสแสร้งทำตัวน่าสงสารให้สังคมเห็นใจ และที่ไม่พบหน้าลูกก็เพราะภรรยาไม่ให้เขาไป เขาและครอบครัวให้เงินภรรยากว่า 300,000 หยวนเป็นค่ารักษาพยาบาล
นอกจากนี้ เขาอ้างว่า สาเหตุที่ปฏิเสธไม่บริจาคไขกระดูกให้ลูกชาย ก็เพราะเกรงอันตรายที่จะเกิดขึ้นและ เพื่อยื้อชีวิตและลดความเจ็บปวดของลูก ซึ่งในช่วงเวลานั้น (พ.ค.) การทำงานของตับของลูกชายมีภาวะเสี่ยงมาก อาจทำให้เสียชีวิตได้ (ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการปลูกถ่ายนั้นคือ พ.ย. 2554 และ มี.ค. 2555) นั่นทำให้สื่อมวลชนและชาวเน็ตหลายคนเข้าใจผิด
“พวกคุณจะคิดไหมว่า ตอนที่ผมตัดสินใจเช่นนั้นจะต้องทนรับกับความเจ็บปวดและการที่ไม่มีทางเลือกได้ขนาดไหน เป็นเพราะการตัดสินใจครั้งนั้นของผม จึงยื้อชีวิตลูกชายให้อยู่มาเกือบครึ่งปี” นายหูกล่าว