เอเยนซี - ศูนย์ศึกษาว่าด้วยจีนในเศรษฐกิจโลก (CCWE) หน่วยงานในสังกัดมหาวิทยาลัยชิงหัว ที่ปรึุกษารัฐบาลจีน คาดการณ์ว่า ในช่วงไตรมาส 4 นี้ เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวน้อยลงหลังจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ อย่างไรก็ตาม CCWE เตือนว่าจังหวะก้าวการเติบโตเศรษฐกิจในอนาคตนั้น ยังคงไม่แน่นอน
สื่อจีนรายงาน (24 ก.ย.) ความคาดการณ์ของศูนย์ศึกษาว่าด้วยจีนในเศรษฐกิจโลก (Center for China in the World Economy - CCWE) หน่วยงานในสังกัดมหาวิทยาลัยชิงหัว ซึ่งเผยว่าในช่วงไตรมาส 4 นี้ เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวน้อยลงหลังจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ อย่างไรก็ตาม CCWE เตือนว่าจังหวะก้าวการเติบโตเศรษฐกิจในอนาคตนั้น ยังคงไม่แน่นอน
ศูนย์ศึกษา CCWE คาดว่า ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2555 เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว ร้อยละ 7.7 และคาดว่าตลอดปี 2555 นั้น เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 7.8
สำหรับ อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ ในไตรมาส 2 ที่ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ ร้อยละ 7.6 นั้น เป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบกว่า 3 ปี โดย CCWE อธิบายว่า เป็นผลมาจากการชะลอตัวของการลงทุนในด้านสินทรัพย์ถาวร โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่คาดว่า หลังจากรัฐบาลอนุมัติโครงการสาธารณูปโภค การลงทุนในด้านดังกล่าว จะเพิ่มขึ้น
รายงานข่าวกล่าวว่า คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) ได้อนุมัติโครงการสาธารณูปโภคกว่า 10 โครงการ มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านหยวน หรือ 1.5773 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา รวมถึงโครงการสร้างทางหลวง ท่าเรือ ทางรถไฟ และโรงงานขจัดของเสียทั่วประเทศ
รายงานระบุว่า จีนจะยังคงมีศักยภาพในการเติบโตในระยะกลาง จนถึงระยาว โดยการพัฒนาเมืองจะเป็นแรงขับเคลื่อนใหญ่ของประเทศในอนาคต และ CCWE ประมาณการว่า อัตราการเติบโตจีดีพีของจีน จะอยู่ที่ร้อยละ 8.2 ในครึ่งปีหน้า ขณะที่เฉลี่ยทั้งปี 2556 จะอยู่ที่ร้อยละ 8
อย่างไรก็ตาม CCWE ระบุว่า เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญกับความเสี่ยงมากมาย รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองทั่วโลก อาทิ ความสัมพันธ์ในอนาคตของจีน - ญี่ปุ่น ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจจีน
ทางเลือกที่จำกัดในการใช้นโยบายการเงินก็เป็นอีกความเสี่ยง เพราะต้องแก้ปัญหาให้สอดคล้องกับแรงกดดันเงินเฟ้อในปีหน้า จากนโยบายผ่อนคลายความเข้มงวดด้านการเงินในหลายภาคเศรษฐกิจหลัก เช่น การกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และราคาพืชผลเกษตรที่พุ่งสูงขึ้น โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 2.8 ขณะที่ปีหน้าคงขึ้นไประหว่างร้อยละ 3 - 5 นอกจากนี้ การดีดตัวกลับมาของราคาสินทรัพย์ก็เป็นอีกเรื่อง ที่ทำให้รัฐบาลต้องคอยขยับมาตรการอยู่ตลอดเวลา
หลี่ เต้ากุ่ย หัวหน้าของศูนย์ศึกษาฯ และเป็นที่ปรึกษาของธนาคารกลางจีน กล่าวว่า ในระยะสั้นนี้ จะไม่มีความเสี่ยงของเศรษฐกิจที่ตกรุนแรง แต่ใน 3 - 5 ปีข้างหน้าระหว่างที่เศรษฐกิจและสถานการณ์การเงินโลกยังวิกฤติ ก็จะเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งยากสำหรับเศรษฐกิจจีนเช่นกัน
รายงานฯ ได้เสริมความเห็นว่าควรติดตามการปรับนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ว่าจะส่งผลดี หรือสร้างความเสียหายใหม่ๆ อะไรให้กระทบกับส่วนอื่นๆ ของโลก และถ้ารัฐบาลจีน สามารถปฏิรูปมาตรการใหม่ๆ มากู้ตลาดเศรษฐกิจได้ จีนก็จะยังเติบโตได้ตลอด 10 ปี ข้างหน้านี้