ไชน่า เดลี/ASTVผู้จัดการ – ชาวหางโจวโวย “สตาร์บัคส์” ขยายสาขาเปิดขายในเขตวัดหลิงอิ่น ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 1,700 ปี เจ้าหน้าที่แจงเป็นพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์นอกรั้ววัด หวังดูดนักท่องเที่ยวเท่านั้น
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา “สตาร์บัคส์” แฟรนไชส์ร้านกาแฟอันดับ 1 ของโลกได้เปิดสาขาที่เมืองหางโจว เมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน แต่กลายเป็นข่าวดังเมื่อสถานที่ของการเปิดให้บริการดันอยู่ในเขตของวัดหลิงอิ่น (灵隐寺) พุทธสถานชื่อดังของนิกายมหายาน ที่มีประวัติยาวนานถึงเกือบ 1,700 ปี
ชาวเน็ตในจีนวิจารณ์การเปิดสาขาล่าสุดในจีนของสตาร์บัคส์ว่า ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกันแห่งนี้นอกจากจะเคยเปิดร้านกาแฟในพระราชวังต้องห้าม กรุงปักกิ่งเมื่อหลายปีก่อนแล้วยังหาญกล้ามาเปิดร้านกาแฟในวัดอีก
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ของวัดหลิงอิ่นนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนพุทธสถานที่เป็นที่ตั้งของวัดที่ดูแลโดยวัด และ ส่วนของพื้นที่นอกรั้ววัดซึ่งถูกพัฒนาให้เป็นจุดชมทิวทัศน์ ในความดูแลของสำนักสิ่งแวดล้อมและอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ เทศบาลเมืองหางโจว ซึ่งที่ตั้งของร้านสตาร์บัคส์นั้นอยู่ในพื้นที่ส่วนหลัง โดยทางผู้พัฒนาพื้นที่เป็นคนดึงร้านสตาร์บัคส์เข้ามาเปิดร้าน เพื่อทำให้แหล่งท่องเที่ยวดูมีระดับมากขึ้น
“จริงๆ ห่างจากร้านสตาร์บัคส์ไปไม่ถึง 50 เมตร ก็มีร้านค้าเชิญพาณิชย์หลายแห่งเช่น สาขาของร้านจือเว่ยกวน (ร้านอาหารชื่อดังของเมืองหางโจว) ร้านไก่ทอดเคเอฟซี ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่เปิดให้บริการมาก่อนหน้าราวครึ่งปี” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของเทศบาลเมืองหางโจวระบุ
หวัง ผิง ผู้ช่วยนักวิจัยของบัณฑิตสภาด้านสังคมศาสตร์แห่งมณฑลเจ้อเจียงก็ให้ความเห็นว่า หากมองในเชิงพาณิชย์ ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ก็เป็นตัวช่วยยกระดับแหล่งท่องเที่ยวได้ดี แต่หากมองในเชิงนัยยะของวัฒนธรรมร้านสตาร์บัคส์กับวัดหลิงอิ่นก็มีความขัดแย้งกันอยู่ ซึ่งประเด็นนี้เองทำให้ในช่วงแรกของการเปิดให้บริการทางชาวเมืองหางโจวจึงรู้สึกรับไม่ค่อยได้
อย่างไรก็ตาม หวังกล่าวด้วยว่าในโลกยุคโลกานุวัตรเช่นนี้ ชาวเมืองหางโจวก็ควรใช้ทัศนคติที่เปิดกว้างกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจเช่นนี้ ขณะที่ทางผู้พัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเองหากจะดำเนินการอะไรก็ควรจะพิจารณาให้ถ้วนถี่ และควรจะระมัดระวังว่ามีสิ่งใดที่จะกระทบกับภาพลักษณ์ของวัดหรือไม่ด้วย
ก่อนหน้านี้ ร้านสตาร์บัคส์ ในพระราชวังต้องห้าม กรุงปักกิ่งเคยถูกสั่งให้ย้ายออกในเดือนกรกฎาคม 2550 หลังจากเปิดให้บริการมา 7 ปี ก่อนมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งในปี 2551 จะเริ่มขึ้น ทั้งนี้ร้านกาแฟชื่อก้องจากสหรัฐฯ มีแผนว่าจะเปิดสาขาในประเทศจีนเกินครบ 1,500 แห่งภายในปี 2558