เอเอฟพี - นายสือ ไป่คุยชาวนาจีนคนหนึ่ง ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี เนื่องจากเข้าไปขโมยงานศิลปะและอัญมณีจากพระราชวังต้องห้ามเมื่อปีที่ผ่านมา ทนายประจำตัวของเขาเผยว่า คดีนี้นับเป็นการโจรกรรมสถานที่สำคัญของจีนที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
นายสือ ไป่คุย วัย 27 ปี จากมณฑลซานตง ถูกจับกุมตัวเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว ในร้านอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง เขาได้ยอมรับสารภาพว่าได้กระทำการดังกล่าว
“สือถูกตัดสินจำคุก 13 ปี ปรับ 13,000 หยวน และเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 3 ปี” หวง ฉังหยง ทนายประจำตัวสือให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี ณ ศาลกรุงปักกิ่ง
สำนักข่าวซินหวาของจีนรายงานว่า สือได้บุกเข้าไปในพระราชวังต้องห้ามอันเป็นที่ประทับของจักรพรรดิจีนหลายองค์ในเดือนพ.ค. ปีที่แล้ว จากนั้นก็ขโมยวัตถุโบราณล้ำค่าไป 9 ชิ้น มีทองคำและอัญมณีด้วย
ตำรวจติดตามกลับมาได้จำนวน 6 ชิ้น แต่อีก 3 ชิ้นที่เหลือซึ่งมีมูลค่ามากถึง 150,000 หยวนนั้น ยังไม่มีวี่แวว ซินหวาระบุฯ
รายงานข่าวกล่าวว่า วัตถุที่หายไปนั้นมีมูลค่ารวมสูงถึง 10 ล้านหยวน เพราะมีอายุย้อนไปถึงต้นศตวรรษที่ 20 รวมถึงกล่องอัญมณี และเครื่องแป้งแต่งหน้าสตรีล้ำค่าด้วย
การโจรกรรมของนายสือนั้นถือว่าเป็นครั้งที่ 5 ที่พระราชวังต้องห้ามถูกขโมยของ โดยคนก่อนหน้าที่จับได้ว่าขโมยของในวังต้องห้ามเมื่อปี 2530 ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ซินหวาให้รายละเอียด
พระราชวังต้องห้าม เป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญของกรุงปักกิ่ง เริ่มก่อสร้างในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 และเป็นที่ประทับของฮ่องเต้ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง และได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์สะสมวัตุโบราณ ในปี 2468 หลังราชวงศ์ชิงล่มสลาย