จับ ผู้ต้องสงสัย “มือฉก” โบราณวัตถุในพระราชวังต้องห้าม

เอเอฟพี - สื่อทางการจีนรายงาน(12พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมชายวัย 28 ปี ผู้ต้องสงสัยขโมยโบราณวัตถุจากพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง นับเป็นการโจรกรรมสถานที่สำคัญของจีนครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี

สืบเนื่องจากเหตุโบราณวัตถุล้ำค่าจำนวน 9 ชิ้น ซึ่งจัดแสดงที่ตำหนักไจ้กง ในพระราชวังต้องห้าม ถูกมือดีขโมยไป เมื่อวันอาทิตย์(8 พ.ค.) ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ค้นพบโบราณวัตถุ 2 ชิ้น เมื่อวันจันทร์(9 พ.ค.) แต่ยังเหลืออีก 7 ชิ้นที่หายไป

ล่าสุด สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมชายผู้ต้องสงสัยนามว่า สือ ไป่คุย ในกรุงปักกิ่ง เมื่อช่วงเย็นวันพุธ(11พ.ค.) ซึ่งต่อมา เขาได้ยอมรับสารภาพต่อการกระทำดังกล่าว และขณะนี้ โบราณวัตถุบางชิ้นที่หายไปได้รับคืนเพิ่มบ้างแล้ว

เป่ยจิง นิวส์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ของพระราชวังต้องห้ามได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า โบราณวัตถุที่ถูกขโมยไปทั้งสิ้น 7 ชิ้น ยืมมาใช้จัดแสดงจากพิพิภัณฑ์เหลียงอี้ ของเฟิง เย่าหุย นักสะสมชาวฮ่องกง ซึ่งมีมูลค่ารวมกัน 10 ล้านหยวน (ราว 47 ล้านบาท)

นายสือ ไป่คุย เป็นชาวมณฑลซานตงที่มาอาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่งเป็นเวลา 4 ปีแล้ว เขาทำทีเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามายังพระราชวังต้องห้ามและขโมยโบราณวัตถุล้ำค่าไปเพื่อนำไปขายเป็นเงิน

รายงานข่าวระบุ วัตถุโบราณชิ้นที่ถูกขโมยไป อาทิ กระเป๋าทองคำประดับอัญมณี และกล่องใส่เครื่องสำอาง ฯ เป็นของล้ำค่าที่มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20

เป่ยจิง นิวส์ รายงานว่า จากเหตุโจรกรรมดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ของพระราชวังต้องห้ามสั่งปิดส่วนจัดแสดงที่เกิดเหตุ

ขณะที่ นางเฟิง เจ้าของโบราณวัตถุล้ำค่า เผยว่า “ในตอนแรกที่ทราบเรื่อง ฉันรู้สึกช็อคมาก และต้องการนำของสะสมทุกชิ้นที่ส่งไปจัดแสดงกลับมาทันที แต่ตอนนี้ตัดสินใจแล้วว่าจะส่งโบราณวัตถุมาจัดแสดงที่พระราชวังต้องห้ามเพิ่ม เนื่องจากมั่นใจในความปลอดภัยของสถานที่แห่งนี้”

โกลบอล ไทมส์ รายงานว่า ในช่วงปี 2492-2530 มีการโจรกรรมสมบัติจากพระราชวังต้องห้ามรวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง

อนึ่ง พระราชวังต้องห้ามได้รับการสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 เป็นสถานที่ประทับของจักรพรรดิในราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง และได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์สะสมวัตุโบราณ ในปี 2468 หลังสิ้นสุดราชวงศ์ชิง