“สตาร์บัคส์” สยายปีกโมเดลธุรกิจใหม่ “ไดรฟ์ทรู” และ “คาเฟ่” ทั่วภูมิภาคเอเชีย ดอดผุดร้านกาแฟพ่วงขายอาหาร 12 สาขาในไทย หลังเป็นตลาดมีศักยภาพรั้งอันดับสามสร้างรายได้ในเอเชีย หวังขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ลั่นปีนี้ไม่ขึ้นราคา มั่นใจสิ้นปีนี้รายได้โต 20%
นายเมอร์เรย์ ดาร์ลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทดำเนินธุรกิจร้านกาแฟในประเทศไทยมากว่า 14 ปี ช่วงที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมาจากการขยายสาขาใหม่โดยเฉลี่ย 10-15 สาขาต่อปี และเพื่อสร้างการเติบโตยิ่งขึ้น บริษัทได้แตกโมเดลสตาร์บัคส์ 2 รูปแบบใหม่ ได้แก่ ไดรฟ์ทรูคอนเซ็ปต์สโตร์ และฟูดส์คอนเซ็ปต์สโตร์ โมเดลร้านกาแฟที่ให้บริการอาหาร ซึ่งเริ่มในภูมิภาคเอเชียสามปีที่ผ่านมา นำร่องที่ประเทศญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย และล่าสุดเปิดตัวในประเทศไทย นำร่องในปีนี้ 15 สาขา
“ที่ผ่านมาสตาร์บัคส์ ประเทศไทย เป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตที่ดี โดยเป็นตลาดที่สร้างรายได้อันดับ 3 รองจากไต้หวัน และญี่ปุ่นอันดับ 1 ในขณะที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ดังนั้นจึงได้นำโมเดลดังกล่าวเข้ามาทำตลาดในเชิงรุก”
สำหรับไดรฟ์ทรูคอนเซ็ปต์สโตร์ หรือบริการให้ลูกค้าเข้ามารับประทานภายในร้าน ซึ่งจะเปิดบริการเวลา 07.00-22.00 น.นำร่องสาขาแรกที่พอร์โต ชิโน คอมมูนิตีมอลล์ ย่านถนนพระราม 2 บนพื้นที่กว่า 434 ตารางเมตร และฟูดส์คอนเซ็ปต์สโตร์ หรือเป็นรูปแบบคาเฟ่ ที่สาขาเอ็กซ์เชนจ์ทาวเวอร์ อโศก พื้นที่ 110 ตารางเมตร โดยมีอาหารมากกว่า 13 เมนู เช่น ลาซานญาซอสหมู พาสตา ควบคู่กับการดื่มกาแฟ
เปิดให้บริการ 07.00-21.00 น.
ทั้งนี้ โมเดลทั้งสองแบบในประเทศอเมริกาได้มีการทำตลาดมานานแล้ว และยังมีการเปิดบริการที่นอกจากการเสิร์ฟอาหาร ยังมีการบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไวน์เป็นต้น ขณะที่ในภูมิภาคเอเชียเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นขยายโมเดลธุรกิจใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าทั้งในส่วนของเบเกอรีและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นเนื่องจากยังสามารถควบคุมต้นทุนที่เพิ่มสูงได้ เพราะบริษัทมีพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีจึงทำให้ยังสามารถจำหน่ายสินค้าได้ในราคาเดิม
นายดาร์ลิ่งกล่าวว่า แผนการขยายสาขาของสตาร์บัคส์ในประเทศไทยวางไว้ 10-15 สาขาต่อปี โดยยังมุ่งหาสถานที่ที่มีศักยภาพในประเทศ ซึ่งล่าสุดขยายสาขาในจังหวัดพิษณุโลก เชียงใหม่ และอุดรธานี ฯลฯ คาดว่าปิดรอบบัญชีเดือนตุลาคมนี้ บริษัทจะมีสาขาทั้งหมด 154 สาขา ทั้งนี้ รายได้ในช่วงที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 20% สูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งเป้ามีการเติบโต 15% โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีการขยายสาขาใหม่ 10 แห่ง