เอเยนซี่ - ธนาคารพาณิชย์แดนมังกรเพิ่มการปล่อยกู้เงินหยวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนที่แล้วในสภาวการณ์ที่รัฐบาลปักกิ่งกำลังหาเงินสนับสนุนสำหรับโครงการลงทุนรอบใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเติบโต
ธนาคารกลางของจีนระบุเมื่อวันอังคาร (11 ก.ย.) ว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ประจำเดือนส.ค. พุ่งสูงถึง 703,900 ล้านหยวน ซึ่งมากกว่ายอดการปล่อยเงินกู้ประจำเดือนส.ค.ของปี 2554 ถึง 155,500 ล้านหยวน และสูงเกินกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ราว 600,000 ล้านหยวน
นายโจว จิ้งตง นักวิเคราะห์อาวุโสของแบงก์ออฟไชน่าระบุว่า การปล่อยกู้ ที่เพิ่มอย่างรวดเร็วในเดือนส.ค.แสดงให้เห็นว่า ความต้องการกู้ยืมได้เริ่มมีสูงขึ้น หลังจากรัฐบาลเร่งการอนุมัติโครงการก่อสร้างต่าง ๆ นอกจากนั้น นโยบายการเงิน ที่ผ่อนคลายมากขึ้นยังกำลังกระตุ้นให้ธนาคารปล่อยกู้มากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนั้น ยอดการปล่อยกู้แก่บริษัทผู้ประกอบการ ซึ่งครบกำหนดชำระในระยะเวลานานกว่าหนึ่งปียังเพิ่มขึ้น 28,300 ล้านหยวน จากเดือนก่อนหน้า อันเป็นผลจากการขยายการลงทุนในโครงการก่อสร้างนั่นเอง
นายอี หย่งเจี้ยน นักวิเคราะห์ของแบ้งก์ออฟคอมมิวนิเคชั่นกล่าวว่า ยอดการปล่อยกู้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการซื้อบ้านที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงการกระเพื่อมขึ้นของการปล่อยกู้แก่เอกชน ที่เกี่ยวข้องกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจไม่ดำเนินต่อไปในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
ขณะเดียวกัน ความวิตกเกี่ยวกับการขยายการปล่อยกู้ก็เริ่มมีเพิ่มมากขึ้นทุกทีเช่นกัน หลังจากที่ในเดือนก.ค. มีการปล่อยกู้เพียง 540,100 ล้านหยวนเท่านั้น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2554 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม นายกั๊วะ เทียนหยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้านการธนาคารของมหาวิทยาลัยการเงินและเศรษฐกิจกลาง (Central University of Finance and Economics) ระบุว่า บรรดาธนาคารเริ่มระมัดระวังมากขึ้น เมื่อจะขยายการปล่อยเงินกู้ เนื่องจากธนาคารเหล่านี้เผชิญกับแรงกดดันจากความเสื่อมถอยของคุณภาพของสินทรัพย์
จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย เงินกู้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารพาณิชย์เพิ่มถึง 456,400 ล้านหยวน ขณะที่หนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นหนี้เสียมีจำนวน 1.46 ล้านล้านหยวน
นักวิเคราะห์ยังเตือนรัฐบาลจีนด้วยว่า ในขณะที่รัฐบาลพยายามกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการปล่อยกู้แก่โครงการต่าง ๆ ในขณะที่แรงกดดันด้านคุณภาพของสินทรัพย์มีสูงมากอยู่แล้วนั้น รัฐบาลต้องไม่ลืมมูลค่าที่ต้องจ่ายไปในคราวที่ต้องแก้ไขปัญหาเงินกู้ ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่พอกพูนมหาศาลของธนาคารพาณิชย์เมื่อ 10 ปีก่อน และรัฐบาลต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพียงใดกว่าจะเปลี่ยนแปลงให้ธนาคารเหล่านั้นกลายเป็นธนาคารสินเชื่อ ที่มีความทันสมัย