xs
xsm
sm
md
lg

รพ. กักตัวทารกแฝดเกิดใหม่นานกว่า 2 เดือน เหตุพ่อ-แม่ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเยนซี - โรงพยาบาลฟื้นฟูสุขภาพแม่และเด็กเป่าอาน เขตเป่าอาน เมืองเซินเจิ้น กักตัวทารกแฝดแรกคลอดของคู่สามีภรรยาชาวเซินเจิ้นไว้ถึง 2 เดือนแล้ว เนื่องจากสามีภรรยาคู่นี้ค้างค่ารักษาพยาบาล เป็นจำนวนเงิน 1.2 แสนหยวน จากการคลอดก่อนกำหนดจนทำให้ทารกแฝดต้องรับการรักษาพยาบาลจากทางโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่คลอด ซึ่งกระทั่งปัจจุบัน พ่อ-แม่คู่นี้ยังไม่มีโอกาสอุ้มบุตรแฝดของตนแม้แต่ครั้งเดียว ด้านโรงพยาบาลออกตัวว่าทารกแฝดคลอดก่อนกำหนดร่างกายไม่แข็งแรง ควรรีบส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลที่มีความพร้อมโดยเร็วที่สุด แต่ก็ลำบากใจเพราะถ้าพ่อ-แม่เด็กยังติดหนี้โรงพยาบาลอยู่ก็ยอมให้เอาลูกไปไม่ได้
ภาพ นายเหลียง บิดาของทารกแฝด ซึ่งถูกกับตัวอยู่ที่โรงพยาบาลฟื้นฟูสุขภาพแม่และเด็กเป่าอาน เซินเจิ้น เป็นเวลาถึง 2 เดือนแล้ว เนื่องจากเขาค้างค่ารักษาพยาบาลจำนวน 1.2 แสนหยวน (ภาพ ซินไคว่เป้า)
"ลูกคลอดมาได้ 2 เดือนแล้ว แต่เราสองผัวเมีย แม้แต่กอดลูกสักครั้งยังทำไม่ได้" นายเหลียง ผู้มีที่พำนักอยู่บริเวณถนนสือเอี๋ยน เขตเป่าอาน เมืองเซินเจิ้น กล่าวทั้งน้ำตา วานนี้(21 ส.ค.)

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ทารกแฝดอายุครรภ์ 30 สัปดาห์ลืมตาดูโลกก่อนกำหนด(อายุครรภ์ปกติ 40 สัปดาห์) แต่เนื่องจากฐานะครอบครัวไม่ดี จนกระทั่งทุกวันนี้นายเหลียงยังไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าทำคลอดและค่ารักษาพยาบาลกับทางโรงพยาบาลฟื้นฟูสุขภาพแม่และเด็กเป่าอาน เขตเป่าอาน เมืองเซินเจิ้น ซึ่งเป็นจำนวนถึง 1.2 แสนหยวน(ราว 6 แสนบาท) เขาจึงยื่นข้อเสนอขอรับบุตรออกมาจากโรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยทะยอยคืนค่ารักษา ทว่าโรงพยาบาลปฏิเสธ และกักตัวบุตรคู่แฝดของเขาเอาไว้จนทุกวันนี้ หากจะไปเยี่ยมทารก พวกเขาก็สามารถทำได้เพียงไปยืนมองจากที่ไกลๆ ในแผนกทารกคลอดใหม่ เฉพาะวันพฤหัสบดีเท่านั้น

นายเหลียง เป็นชาวเมืองจั้นเจียง มณฑลก่วงตง(กวางตุ้ง) เดินทางมาทำงานที่เซินเจิ้นตั้งแต่ พ.ศ.2542 ปัจจุบันทำงานด้านการเสริมความงามรถยนต์ เงินเดือนประมาณ 2000 หยวน(ราว 1 หมื่นบาท) ส่วนนางหลิน ผู้เป็นภรรยา มาจากเมืองเหลียนเจียง มณฑลก่วงตง อาศัยทำอาหารให้พนักงานบริษัท มีรายได้ราย 1000 หยวน( 5000 บาท) ต่อเดือน

วันที่บุตรคลอดก่อนกำหนด นายเหลียงเล่าว่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูก โดยเล่าว่าในวันนั้นภรรยากำลังทำกับข้าว แต่อยู่ๆ ก็ร้องว่าปวดท้อง เขาจึงรีบพาภรรยาไปส่งที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในย่านสือเอี๋ยน โดยทารกแฝดคลอดออกมาเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. เวลา 9 นาฬิกา ทว่าเนื่องจากโรงพยาบาลดังกล่าวมีขีดจำกัดในการรักษาพยาบาลทารกที่คลอดก่อนกำหนด วันถัดมาหลังคลอด ภรรยาและบุตรแฝดของนายเหลียง จึงถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลฟื้นฟูสุขภาพแม่และเด็กเป่าอาน ซึ่งโรงพยาบาลตรวจพบว่าทารกมีอาการหายใจลำบาก ทารกคนหนึ่งมีอาการจอประสาทตาผิดปกติ ส่วนอีกคนหนึ่งมีน้ำคั่งในสมอง

นายเหลียงเล่าว่า เพื่อหาเงินมาจ่ายคืน ภรรยาของเขารีบออกไปทำงานตั้งแต่คลอดบุตรยังไม่ครบเดือน พวกเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อแก้ปัญหานี้ จนทำให้ใน 2 เดือนที่ผ่านมานายเหลียง ไม่ได้ไปทำงานตามปกติ "ตอนนี้ยังพาลูกออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ ค่าดูแลลูกก็โดนโรงพยาบาลคิดเพิ่มทบไปทุกวันๆ จนพวกเราไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว" นายเหลียงกล่าวอย่างจนปัญญา
เหลียง จ่านหรง และ เหลียง จ่านอี๋ว์ ทารกแฝดยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลเป่าอาน และหากนายเหลียงและภรรยาจะไปเยี่ยมบุตร สามารถทำได้เพียงมองจากที่ไกลๆ เข้าไปในแผนกทารกคลอดใหม่ เฉพาะวันพฤหัสบดีเท่านั้น(ภาพ ซินไคว่เป้า)
ทารกแฝดมีชื่อว่า เหลียง จ่านหรง และ เหลียง จ่านอี๋ว์ โดยนายเหลียงยังเล่าว่าทางโรงพยาบาลแนะนำเขาว่า เพื่อไม่ให้อาการป่วยของทารกหนักไปมากกว่านี้ นายเหลียงควรจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่คั่งค้าง จะได้รีบนำทารกทั้งสองไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลที่มีความพร้อมมากกว่าในซั่งไห่(เซี่ยงไฮ้)

ทั้งนี้สื่อจีนพบว่าบ้านพักของนายเหลียง เป็นเพียงบ้านหลังเล็กที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าเตียงไม้กับโทรทัศน์เก่า ซึ่งเจ้านายของเขาเล่าว่า บ้านพักดังกล่าวทางโรงงานจัดสรรให้ เพราะนายเหลียงเป็นพนักงานที่ซื่อสัตย์เสมอมา

ส่วนสาเหตุที่ทางโรงพยาบาลไม่ยอมให้พ่อแม่รับตัวทารกแฝดออกมาก่อน แล้วค่อยทะยอยใช้เงินคืน อู๋ จื้อจวิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกทารกคลอดใหม่แห่งโรงพยาบาลฟื้นฟูสุขภาพแม่และเด็กเป่าอาน อธิบายว่า ทางโรงพยาบาลก็อยากให้บิดามารดามารับตัวทารกคลอดก่อนกำหนดนี้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่มีความพร้อมมากกว่า อย่างที่ ก่วงตง(กวางตุ้ง) หรือที่ ซั่งไห่(เซี่ยงไฮ้) แต่ติดเพียงปัญหาค่ารักษาพยาบาลที่คั่งค้างจำนวน 1.2 แสนหยวน เลยยอมให้รับทารกออกไปไม่ได้ แต่ก็จะดูแลให้อย่างดี สาเหตุก็เพราะทุกวันนี้มีคนไข้ไม่น้อยที่เล่นไม่ซื่อ คือหายตัวไปเลย รอจนทารกได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว เมื่อทางโรงพยาบาลส่งทารกไปยังสถานสงเคราะห์ พ่อแม่เหล่านั้นค่อยแอบไปรับทารกจากสถานสงเคราะห์กลับบ้าน โดยไม่เสียค่ารักษาพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลก็ลำบากใจและหวังว่าฝ่ายคนไข้จะมีความสื่อสัตย์กับทางโรงพยาบาลไม่ใช่เอาแต่หาข้ออ้างเพื่อเลี่ยงค่ารักษาอย่างที่เป็นอยู่
กำลังโหลดความคิดเห็น