ไชน่าเดลี - หลังจากผู้ประกอบการรถยนต์จีนย้ายฐานการผลิตออกไปยังต่างแดนกันนานพอควร ขณะนี้ก็กำลังเร่งขยายสร้างโรงงานผลิตฯ ในท้องถิ่นกันยกใหญ่ หวังให้แบรนด์ของตนเป็นที่รู้จักและครองสัดส่วนในตลาดสากลเพิ่มขึ้น
สื่อจีนรายงานว่า ในระหว่างการเยือนจีนของพงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของไทย ก็ได้เจรจาพูดคุยกับนายเฉิน จื้อซิน รองประธานบริหารของ SAIC Motor Corp Ltd เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะลงทุนร่วมกันระหว่าง SAIC กับผู้ผลิตรถยนต์ชาวไทยในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สื่อจีนรายงานว่า การลงทุนร่วมคนละครึ่งนั้นก็มีการวาดหวังว่าจะผลิตรถปอร์ตหรู MG6 ของ SAIC เอง ขณะที่รถยนต์พาณิชย์อย่าง Maxus ของ SAIC ก็คาดว่าจะผลิตในไทยในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างไรก็ตามฝ่าย SAIC ยังไม่ได้ออกมายืนยันข่าวนี้
SAIC เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของจีนโดยวัดจากการขายและรายได้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาก็ออกมาเผยว่า ในปีหน้าจะเริ่มประกอบแบบรถยนต์ใหม่รุ่น MG3 ณ ลองบริดจ์ นครเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร
หลังจากได้สิทธิในการผลิตรถยนต์คลาสสิครุ่น MG Rover ในเดือนก.ค. 2548 SAIC ก็ได้รักษาการผลิตที่ลองบริดจ์ไว้เสมอมา ในเดือนเม.ย. 2554 ก็เริ่มประกอบรถยนต์ 5 ประตูรุ่น MG6 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของรถยนต์แบบ MG ในรอบ 16 ปี
ตลาดรถยนต์ของจีน ซึ่งบูมอย่างมากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เริ่มหลายเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดของตลาดรถยนต์โลก ซึ่งผู้ประกอบการจีนต่างมุ่งสู่การผลิตในระดับท้องถิ่น เพื่อเพิ่มสัดส่วนในการครองตลาดของตน
การแข่งขันอย่างเอาเป็นเอาตายทำให้เกิดการพัฒนายี่ห้อรถยนต์จีนในท้องถิ่น และตลาดภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีนี้ที่เศรษฐกิจจีนกำลังเริ่มขยายตัวช้าลง
ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์จีน แสดงไว้ว่า ครึ่งปีแรก รถยนต์ยี่ห้อในท้องถิ่นของจีนมียอดขายลดลง 0.16 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่จำนวน 3.15 ล้านคันในจีน อย่างไรก็ตาม การส่งออกกลับพรวดขึ้นมา 28 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี อยู่ที่ 487,900 คัน
การส่งออกรถยนต์จีนทั้งหมดคาดว่าน่าจะเกิน 1 ล้านหน่วยในปีนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งจะคิดเป็นอัตราเพิ่ม 27.48 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี
หลังจากไปสถาปนาแบรนด์ของตัวเองในตลาดต่างประเทศ และบรรลุยอดขายตามเป้าแล้ว ผู้ประกอบการรถยนต์จีนก็ได้ตั้งฐานการผลิตในท้องถิ่นนั้น ๆ อย่างจริงจัง
เมื่อสิ้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถยนต์จีนได้ก่อตั้งบริษัทและสถาบันในต่างแดนเพื่อการลงทุนและผ่านการอนุมัติจากกระทรวงพาณิชย์แล้ว 546 แห่ง นายเฉิน หลิน เจ้าหน้าที่กรมการลงทุนต่างประเทศและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ กระทรวงพาณิชย์จีนเผย
ปฏิบัติการของผู้ผลิตรถยนต์ชาวจีนในต่างแดนไม่เพียงจะเป็นก้าวสำคัญในการขยายสัดส่วนในตลาดโลก แต่ยังเป็นทางเลือกของบริษัทในการยกระดับตัวเอง เฉินกล่าวว่า “พวกเราควรกระตุ้นให้พวกเขาออกไปลงทุนต่างประเทศ และให้การสนับสนุนเพื่อให้พวกเขาสามารถเพิ่มยอดการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้”
จี๋ลี่ โฮลดิ้ง กรุ๊ป แห่งเจ้อเจียงได้ก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ 5 แห่งนอกจีน ซึ่งสองแห่งมีการลงทุนในอียิปต์และอุรุกวัยในปีนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนเพิ่มโรงงานประมาณ 2-3 แห่งในต่างแดนอีกในปีนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน เชอรี่ ออโต้โมไบล์ โค ก็ได้ไปสร้างฐานการผลิตในต่างแดนไว้อีก 16 แห่ง มีเครือข่ายผู้ค้าในต่างประเทศมากถึง 1,153 ผู้ค้า
นายจัง จุนอี้ นักวิเคราะห์ตลาดรถยนต์อาวุโส ของบริษัทที่ปรึกษาโรแลนด์ เบอร์เกอร์ สตราเตอจี สัญชาติเยอรมัน เผยว่า ผู้ประกอบการรถยนต์จีนกำลังขยายตลาดในต่างประเทศ เฉกเช่นเดียวกับเบรนด์ดังระดับโลก เช่น เจเนอรัล มอร์เตอร์ และฟอร์ด ก็มุ่งหน้าขยายตลาดในจีนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ด้วย
“เป้าหมายหลักที่แต่ละผู้ผลิตต้องเดินก็คือ จากการผลิตและส่งออก ไปสู่การสร้างฐานการผลิตในท้องถิ่นนั้นๆ เสียเอง เพื่อไปถึงฝันการเป็นแบรนด์ดังระดับโลก” จังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงเผยว่า ผู้ผลิตรถยนต์จีนจะต้องเผชิญความท้าทายในต่างแดน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ไปยันการปกป้องสินค้าภายใน และข้อจำกัดด้านการปล่อยมลพิษในการผลิต ฯลฯ
ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายเก็บภาษีอุตสาหกรรมรถยนต์ของบราซิล ที่อาจจะทำให้การผลิตรถยนต์ของ JAC Motors ต้องเดินทางมาสู่จุดจบในประเทศที่มีตลาดรถยนต์ใหญ่สุดลำดับ 5 ของโลก ขณะที่บริษัทจีนฯ บางรายก็มีรายงานว่าได้ยุติการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในบราซิลไปแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ ในเดือนก.ย. รัฐบาลบราซิลประกาศขึ้นภาษีการนำเข้ารถยนต์/รถบรรทุกขึ้น 30 จุด เพื่อต้องการให้คนหันมาใช้สินค้าภายในประเทศมากกว่าสินค้านำเข้า โดยมีมาตรการปรับขึ้นภาษีการผลิตรถยนต์ให้อยู่ที่ 7-25 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องจักร สูงสุดเก็บได้มากถึง 55 เปอร์เซ็นต์