เศรษฐกิจจีนเดือนก.ค.หดในภาพรวม ชี้รัฐควรเร่งคลายภาคการเงินฯ

เอเยนซี - ดัชนีราคาผู้บริโภคและผู้ผลิตของจีนในเดือนก.ค. ต่างปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะดัชนีราคาผู้บริโภคที่ลดต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง หากรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงภาวะเงินฝืด

สื่อจีนรายงาน (9 ส.ค.) สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ประกาศ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นปรอทชี้วัดเงินเฟ้อหลัก ปรับตัวลดลงมาที่ 1.8 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี ในเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ลดลงจากเดือนมิ.ย. 0.4 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2553

ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อในระดับการค้าส่ง ตกฮวบ 2.9 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนก.ค. เทียบกับปีก่อนหน้า

การลดลงของดัชนี PPI ส่งผลให้ตัวเลขดัชนี CPI ต่ำลง จากอยู่ที่ 6.5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเดือนก.ค. 2554 ค่อยๆ ปรับลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนโตช้าต่อเนื่องกัน 8 ไตรมาส

หมวดราคาอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยบริโภคที่มีสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของหมวดสินค้าในดัชนี CPI พบว่า มีการเขยิบลงมา 2.4 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนก.ค. 2554 ซึ่งต่ำจากเดือนมิ.ย. ที่อยู่ในระดับ 3.8 เปอร์เซ็นต์

สำนักงานสถิติฯ รายงาน การแกว่งตัวของหมวดราคาผักนั้น เป็นแรงผลักสำหรับการเติบโตของดัชนี CPI ทว่า ในช่วงที่มีความต้องการของตลาดสูง เกิดอุทกภัยร้ายแรงในจีน มีผลกระทบอย่างหนักต่อพื้นที่การเกษตรหลายแห่ง ทำให้ดันราคาผักสูงขึ้นถึง 8 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหมวดราคาหมู ตกลง 18.7 เปอร์เซ็นต์ ดึงดัชนี CPI ให้ลดลงถึง 0.71 จุด

นายจัง ลี่ฉุน นักวิจัยศูนย์วิจัยและพัฒนาภายใต้คณะมุขมนตรีจีน กล่าวว่า ผลผลิตทางการเกษตรในประเทศที่มีจำนวนมากช่วยพยุงราคาให้ทรงตัวอยู่ พร้อมชี้ ปัญหาความแห้งแล้งรุนแรงในสหรัฐฯ อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันสำหรับบริโภค และธัญพืชของจีนได้

นอกจากนี้ นายจัง คาดการณ์อีกว่า ดัชนี CPI จะลดลงต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง (2555) และน่าจะอยู่ต่ำกว่า 3 เปอร์เซ็นต์

นายหวัง จิน นักวิจัยประจำศูนย์แลกเปลี่ยนเศรษฐกิจระหว่างประเทศของจีน เผย แม้ว่าเงินเฟ้อจะลดลงในระยะสั้นๆ แต่ราคาที่ไต่สูงขึ้น จะทำให้ค่า CPI สูงเกิน 2 เปอร์เซ็นต์ และเตือนเรื่องความเสี่ยงภาวะเงินฝืดที่อาจสูงขึ้น หากรัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้

ในการเร่งการเติบโตฯ รัฐควรคลายมาตรการของสถาบันการเงิน ลดภาษีของธุรกิจขนาดเล็ก และสนับสนุนธุรกิจภาคเอกชนให้มาลงทุนในภาคต่างๆ


การผลิตลดตาม รัฐควรคลายมาตรการการเงิน

นอกจาก CPI ของจีนจะลดลงแล้ว อัตราการเติบโตการผลิตสินค้าหน้าประตูโรงงานของจีนก็ช้าลงเกินคาดในเดือนก.ค. นับว่าต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีทีเดียว ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงขาลง หลายฝ่ายหวังให้ผู้คุมกฎฯ จีนหันมาดันนโยบายเร่งการเติบโตให้อยู่ที่ 7.5 เปอร์เซ็นต์ได้ตามเป้าที่เคยตั้งไว้มากขึ้น

ตัวเลขการค้าปลีกและการลงทุนสินทรัพย์ถาวรที่เจ้าหน้าที่จีนเปิดเผยวันพฤหัส (9 ส.ค.) ยังคงต่ำกว่าความคาดหมายของตลาด โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมอ่อนลงอยู่ที่ 9.2 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 9.5 เปอร์เซ็นต์ นับว่าต่ำสุดนับแต่เดือนพ.ค. ปี 2552 ฝ่ายตัวเลขการค้าปลีกโตช้าลงมาอยู่ที่ 13.1 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 13.7 เปอร์เซ็นต์

นายหลี่ เว่ย นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ในเซี่ยงไฮ้เผยว่า “พวกเราคิดว่าความอ่อนแอนั้นรับมือยากกว่าที่คนทั่วไปจะคาดถึง ความเห็นของผมก็คือ คำกล่าวสวยหรูของผู้นำจีนนั้นขาดการประสิทธภาพที่จะสร้างความเชื่อมั่น จีนควรหันมาทำอะไรจริงจังในการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจได้แล้ว”

นอกจากจีนจะลดดอกเบี้ยเงินฝากให้ต่ำลงแล้ว ยังได้ตัดลดเงินสดสำรองธนาคารลง ด้วยหวังว่าเงินจำนวน 1.2 ล้านล้านหยวนจะได้ปล่อยเป็นเงินกู้ให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นชุดมาตรการที่จีนเริ่มใช้มาตั้งแต่เดือนพ.ย. 2554 เป็นต้นมา

ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาและนายกรัฐมนตรีเวิน จยาเป่าของจีนได้ให้คำมั่นว่าจะยกระดับนโยบายปรับเศรษฐกิจให้เข้าที่เข้าทางในครึ่งหลังของปีนี้

หลายฝ่ายหวังว่าธนาคารกลางจีนจะยังคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินทีละเล็กทีละน้อยในช่วงเดือนต่อจากนี้เพื่อเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้ว่า เงินเฟ้อในเดือนส.ค.อาจจะเพิ่มสูงขึ้นมาบ้างก็ตาม