เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ -องค์กรพัฒนาเอกชน หรือเอ็นจีโอ ซึ่งทุ่มเททำงานในการพิทักษ์สิทธิของแรงงานอพยพถูกทางการมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) สั่งปิดไปแล้วอย่างน้อย 7 แห่ง สวนทางกับที่เคยประกาศว่า จะผ่อนคลายข้อกำหนด ที่เข้มงวดในการอนุญาตให้เอ็นจีโอจดทะเบียน
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิแรงงานระบุว่า การสั่งกวาดล้าง ที่ดำเนินมานาน 5 เดือนเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งที่ทางการเคยประกาศว่า กว่างตงจะเป็นมณฑลแห่งแรกบนแผ่นดินใหญ่ ที่มีการผ่อนคลายข้อกำหนด ในการจดทะเบียนสำหรับเอ็นจีโอตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป
นักเคลื่อนไหวหลายรายกล่าวว่า พวกตนถูกขับไล่ออกจากสำนักงาน หลังจากเจ้าของอาคารถูกเจ้าหน้าที่รัฐกดดัน โดยเจ้าหน้าที่เหล่านี้มักมาตรวจสอบอาคารสำนักงานอยู่บ่อย ๆ
เอ็นจีโอด้านสิทธิแรงงานบนแผ่นดินใหญ่มักรายงานเรื่อง ที่ถูกทางการคุกคามรังควาน เนื่องจากทางการหวาดกลัวว่า กลุ่มเอ็นจีโอ ซึ่งได้รับเงินทุนจากต่างชาติและคอยเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลอาจเป็นแกนนำจัดการผละงานประท้วงครั้งใหญ่ ปลุกปั่นให้มีการเดินขบวนประท้วง หรือการสร้างความวุ่นวายในสังคม
นายจาง จื่อหรู ผู้อำนวยการของศูนย์ให้บริการด้านข้อพิพาทแรงงานเซินเจิ้น สปริง บรีซ ( Shenzhen Spring Breeze Labour Disputes Service Centre) ซึ่งให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่แรงงานกล่าวว่า เขาเช่าอาคารสำนักงาน 7 แห่ง ซึ่งถูกสั่งปิดหมด และสำนักงานของนายจางเป็นเอ็นจีโอรายแรก ที่ถูกสั่งปิดเมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา โดยเจ้าของอาคารได้รื้อป้าย และตัดน้ำตัดไฟ แม้มีการทำสัญญานาน 3 ปี โดยจ่ายค่าเช่าครบทุกงวดก็ตาม
ด้านนายเฉิน เหมา เจ้าหน้าที่เอ็นจีโอ ซึ่งทำงานกับศูนย์แรงงานผู้อพยพเซินเจิ้น (Shenzhen Migrant Worker Centre) มานาน 13 ปี รู้สึกตกใจกับการกวาดล้างขนานใหญ่ของทางการ ซึ่งเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน โดยสำนักของเขาถูกสั่งปิดเมื่อเดือนพ.ค ที่ผ่าน
อย่างไรก็ตาม นายเฉินได้ยื่นคำร้องต่อทางการนครเซินเจิ้นเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อขอทราบเหตุผลของการสั่งปิด โดยนายเฉินยังระบุว่า เจ้าของอาคาร ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานของเขาถูกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคุกคามข่มขู่มาตั้งแต่เมื่อเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว แต่นายเฉินมองว่า ไม่น่าจะมีสาเหตุมาจากที่ทางการกลัวว่า แรงงานอพยพจะก่อความวุ่นวายทางสังคม ก่อนหน้าการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะมีขึ้นในปีนี้แต่อย่างใด