เดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัล - คณะกรรมาธิการรัฐสภาเนปาลจำใจไฟเขียวโครงการก่อสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้ามูลค่า 1,600 ล้านของบริษัทไชน่าทรีกอร์จส์ (China Three Gorges Corp.) หลังจากถูกรัฐวิสาหกิจแดนมังกรรายนี้ขู่ถอนการลงทุน
โครงการก่อสร้างเขื่อนบนแม่น้ำเสติ (Seti) ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเนปาล มีการลงนามข้อตกลงระหว่างบริษัทดังกล่าวกับรัฐบาลผสมภายใต้การนำของอดีตกลุ่มกบฎลัทธิเหมาเนปาลเมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่สมาชิกรัฐสภาเนปาลแสดงความวิตกความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง นับตั้งแต่เรื่องที่รัฐบาลตัดสินใจให้บริษัทไชน่าทรีกอร์จส์ได้สัญญาไป โดยมิได้เปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติรายอื่น ที่สนใจร่วมแข่งขันประมูล อาทิ บริษัทซิโนไฮโดรจำกัด (Sinohydro Corp.Ltd.) และบริษัทไชน่ามาชีนเนอรีเอ็นจิเนียริ่ง (China Machinery Engineering Corp.)
นอกจากนั้น ในรายงาน 24 หน้าของคณะกรรมาธิการด้านทรัพยากรธรรมชาติของรัฐสภายังระบุว่า พบความผิดพลาดร้ายแรงของฝ่ายบริหารและในด้านกฎหมายในขั้นตอนการทำข้อตกลงของกระทรวงพลังงานกับบริษัทไชน่าทรีกอร์จส์ โดยกระทรวงมิได้ปรึกษากับกระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐบาลเสียก่อน ส่งผลให้ประเทศชาติสูญเสียโอกาสที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตาม หลังจากรัฐสภาเนปาลท้วงติงเรื่องเหล่านี้ ทางไชน่าทรีกอร์จส์จึงมีจดหมายถึงรัฐบาลเนปาลเมื่อเดือนที่แล้วขู่ว่า หากยังไม่สะสางปัญหาเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างเขื่อนให้จบ ทางบริษัทก็จะขอถอนตัว
ในที่สุดคณะกรรมาธิการชุดนี้จึงต้องให้การเห็นชอบโครงการ โดยคำนึงถึงว่า ในที่สุดแล้วการก่อสร้างเขื่อนควรดำเนินต่อไป เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนเนปาล และต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับจีนไว้ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการจี้รัฐบาลว่า ความผิดพลาดด้านขั้นตอนและด้านกฎหมายจะต้องไม่เกิดซ้ำอีกในอนาคต
ทั้งนี้ จีนกำลังดำเนินโครงการก่อสร้างสิ่งสาธารณูปโภคมากมาย ตั้งแต่เขื่อนไปจนถึงท่าเรือในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม มีบางโครงการต้องพับไป เช่น โครงการก่อสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้ามูลค่า 3,600 ล้านดอลลาร์ในพม่า ซึ่งถูกรัฐบาลพม่ายกเลิกไปเมื่อปีที่แล้ว โดยอ้างว่าจะส่งผลเสียก่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ไชน่าทรีกอร์จส์ ซึ่งเข้าร่วมโครงการนี้แสดงความหวังเมื่อเดือนที่แล้วว่า โครงการอาจรื้อฟื้นขึ้นมาอีกก็เป็นได้