รอยเตอร์ - การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (เอฟดีไอ) บนแดนมังกรในเดือนก.พ. ลดลงร้อยละ 0.9 เหลือ 7,700 ล้านดอลลาร์ จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4
กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุเมื่อวันพฤหัสฯ (15 มี.ค.) ว่า ยอดการลงทุนของต่างชาติในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนลดลงร้อยละ0.56 เหลือ 17,700 ล้านดอลลาร์ โดยในส่วนการเข้ามาลงทุนของสหภาพยุโรป หรืออียู ซึ่งกำลังประสบวิกฤตหนี้สาธารณะ และเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของจีนนั้น หดเหลือเพียง 906 ล้านดอลลาร์ หรือลดลงร้อยละ 33.3 จากอัตราการลงทุนของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาลงทุนของชาติเพื่อนบ้านในเอเชียกลับคึกคัก โดยยอดการลงทุนจาก 10 ชาติ ซึ่งรวมทั้งเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮ่องกงในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.66 จากปีก่อนหน้า เป็น 15,400 ล้านดอลลาร์
การไหลเข้าของเงินลงทุนจากต่างชาติเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบการเงิน โดยเงินทุนจากยุโรป ซึ่งไหลเข้าน้อยลงดังกล่าวเป็นสัญญาณใหม่ ที่อาจทำให้ธนาคารกลางจีนผ่อนคลายนโยบายการเงินในเร็ว ๆ นี้ เพื่อรักษาการขยายตัวของปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ โดยจีนตั้งเป้าขยายปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบที่ร้อยละ 14 ในปีนี้
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ยังตั้งเป้าเอฟดีไอในช่วง 4 ปีข้างหน้า มีเงินเข้ามาลงทุนโดยเฉลี่ยปีละ 120,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้น ยังได้เปิดเผยกฎระเบียบใหม่ เพื่อกระตุ้นต่างชาติเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเกิดใหม่ โดยเฉพาะการลงทุน ที่นำเทคโนโลยีและความรู้เฉพาะทางใหม่ ๆ เข้ามายังจีน
ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ที่เปิดเผยในช่วงไม่กี่วันมานี้ ล้วนบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยจีนขาดดุลการค้าประจำเดือนก.พ.ถึง 31,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากที่สุดในรอบอย่างน้อย 10 ปี เนื่องจากยอดการนำเข้ามีมากกว่ายอดการส่งออก อันเป็นผลจากความต้องการบริโภคที่ลดลงของอียู และสหรัฐฯ สองชาติคู่ค้าสำคัญของจีน ขณะเดียวกันเงินเฟ้อ การปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ล้วนมีอัตราการขยายตัวลดลงในเดือนนี้ด้วยเช่นกัน