ไชน่าเดลี - เดือนที่ผ่านมา (ก.พ.) เป็นเดือนที่ยอดขาดดุลการค้าจีนทุบสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปี เมื่อการนำเข้าของจีนนั้นพุ่งพรวดขึ้นมาอยู่ที่เกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการส่งออกนั้นขยายตัวอยู่ที่เพียงครึ่งเดียวของการนำเข้าเท่านั้น
นักเศรษฐศาสตร์เผยว่า การนำเข้าสูงทำให้ยอดขาดดุลการค้าจีนในเดือนก.พ.สูงสุดนั้นเป็นกรณีเฉพาะ และเป็นปัจจัยด้านฤดูกาล พร้อมกับทำนายว่า การนำเข้าจะค่อย ๆ ปรับลงมาอยู่ในระดับกลางในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่เศรษฐกิจจีนก็จะค่อย ๆ โตช้าลง
นักเศรษฐศาสตร์เผยด้วยว่า อนาคตเศรษฐกิจจีนที่ไม่สู้จะสดใสนี้ อาจทำให้ผลกำไรจากการลงทุนค้าเงินจีนชะลอตัว และทำให้รัฐบาลต้องออกนโยบายผ่อนคลายมากขึ้น
กรมศุลกากรจีนเผยว่า การนำเข้าของจีนเพิ่มขึ้น 39.6 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า หลังจากลดลงอยู่ที่ 15.3 เปอร์เซ็นต์ในเดือนม.ค. ส่วนการส่งออกนั้นขยายตัวอยู่ที่ 18.4 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี ซึ่งลดลง 0.5 เปอร์เซ็นต์
ตัวเลขนี้ทำให้เกิดการเสียเปรียบดุลการค้ามูลค่าสูงถึง 31,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนก.พ. ซึ่งถือว่าสูงสุดนับแต่ปี 2533
หลี่ เว่ย นักเศรษฐศาสตร์จากเซี่ยงไฮ้ สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ เผยว่า เนื่องจากเทศกาลตรุษจีนในช่วงเดือนม.ค.ปีนี้ ทำให้อัตราขยายตัวการส่งออกและนำเข้าของจีนไร้ระเบียบ
ในช่วงเดือนม.ค. และก.พ. การค้าระหว่างประเทศของจีนได้กำไร 7.3 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 533,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 7.7 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการส่งออกอยู่ที 6.9 เปอร์เซ็นต์ สองเดือนแรกนี้รวมกัน จีนเสียเปรียบดุลการค้ามูลค่า 4,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายงานของรัฐบาลจีนเมื่อวันจันทร์ (4 มี.ค.) นายกรัฐมนตรีเวิน จยาเป่าตัดลดเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนอยู่ที่ปีละ 7.5 เปอร์เซ็นต์ โดยเผยว่า เป้าหมายสำคัญของจีนปี 2555 อยู่ที่การทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมั่นคง และเน้นการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก
เวินยังกล่าวด้วยว่า การค้าระหว่างประเทศของจีนปีนี้คาดหวังให้เติบโตที่ 10 เปอร์เซ็นต์
“ปริมาณการส่งออกของจีนไปยังสหภาพยุโรปนั้นยังอ่อนมาก เนื่องจากปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปเอง แต่สหรัฐฯเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว” หวัง เถา นักเศรษฐศาสตร์แห่ง UBS AG เผย
จากเดือนม.ค.-ก.พ. จีนส่งออกไปยังยุโรปลดลง 1.1 เปอร์เซ็นต์ วิกฤตสุดคืออิตาลี ซึ่งนำเข้าสินค้าจากจีนลดลงถึง 31.1 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ค้าขายกับสหรัฐฯได้กำไร 12 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนั้นจีนยังคงได้ประโยชน์จากการค้ากับตลาดใหม่อย่าง รัสเซียและบราซิล โดยได้กำไร 10.3 และ10.9 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ
แต่อย่างไรก็ดี ระดับของการขาดดุลในเดือนม.ค.และ ก.พ. อาจทำให้สหรัฐฯลดการวิจารณ์จีนที่ว่า จีนให้การหนุนค่าเงินหยวนของตนให้อ่อนค่า เพื่อได้ประโยชน์จากการค้ากับต่างประเทศ
หลี่ เว่ย เผยด้วยว่า “ในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3 เราต้องดูการส่งออกและนำเข้าของจีนอีกครั้ง”
นายโจว เสี่ยวชวน ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติจีน เผยว่า จีนอาจจะขยายกรอบการแกว่งตัวของค่าเงินหยวนตามความเหมาะสม เพื่อปรับความพอดีระหว่างอุปสงค์และอุปทานของตลาด
