จีนอาจขาดดุลการค้าเป็นครั้งแรกในปีหน้า

รอยเตอร์ - ที่ปรึกษาฝ่ายการศึกษาของธนาคารกลางจีนเตือน ดุลการค้าของจีนเสี่ยงไถลสู่การขาดดุลเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ทศวรรษในปีหน้า เนื่องจากยุโรปและสหรัฐฯ ลดความต้องการนำเข้าสินค้า

นายเซี่ย ปิน หัวหน้าสถาบันวิจัยการเงินแห่งศูนย์วิจัยการพัฒนาของรัฐบาลจีน และอยู่ในคณะกรรมการด้านนโยบายการเงิน ซึ่งมี 15 คนของธนาคารกลางจีนระบุเมื่อวันอังคาร (22 พ.ย.) ว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐฯ และยุโรปในปีหน้าจะส่งผลให้ความต้องการนำเข้าสินค้าจากจีนลดน้อยลง จึงอาจมีความเป็นไปได้ ที่จีนจะประสบการขาดดุลการค้า ดังนั้น จีนจึงจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการคลังในลักษณะของการเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างมาก เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายภายในประเทศ ดำเนินการเร่งปฏิรูประบบภาษี และการปรับขึ้นเงินเดือน เพื่อกระตุ้นการบริโภค

อย่างไรก็ตาม นายเซี่ยระบุว่า ชาติซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกแห่งนี้จะไม่ผ่อนคลายนโยบายคุมเข้มทางการเงินในตอนนี้

เขาคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจแดนมังกรในปีหน้าว่า จะยังคงรักษาการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 8 หรือร้อยละ 9 และเห็นว่า จะมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อต่อไป แม้รัฐบาลจีนจะพยายามควบคุมการเพิ่มขึ้นของราคาให้อยู่ที่ร้อยละ 2-3 ในปีหน้าก็ตาม

ทั้งนี้ เงินเฟ้อต่อปีของจีนเพิ่มสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ร้อยละ 6.5 เมื่อเดือนก.ค. และแม้แรงกดดันจากเงินเฟ้อได้ผ่อนคลายลง แต่ยังคงอยู่ที่ร้อยละ 5.5 ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ภาพรวมการส่งออกของจีนในช่วงที่เหลือของปีนี้และในช่วงต้นปีหน้าอาจซบเซา เนื่องจากวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรป และการฟื้นตัวอย่างอ่อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

การนำเข้าของจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.7 ในเดือนต.ค. ขณะที่การส่งออกโตร้อยละ 15.9 ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอมากที่สุดในรอบหลายเดือน นอกจากนั้น รัฐบาลจีนคาดการณ์การเกินดุลการค้าตลอดทั้งปีของจีนจะหดแคบลงมาอยู่ที่ราว 150,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ จาก 183,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว อันเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกดูซบเซา แต่ถึงอย่างไรนายเซี่ยมองการขาดดุลการค้าของจีน ที่อาจเกิดขึ้นได้นั้นว่า จะมีไม่มากนัก ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า อาจต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปีข้างหน้า จึงจะได้เห็นการขาดดุลการค้าตลอดทั้งปีของจีน เว้นเสียแต่การส่งออกของจีนจะทรุดหนักเท่านั้น