รอยเตอร์ - ธนาคารโลกหรือเวิลด์แบงก์ระบุ เศรษฐกิจจีนเผชิญความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นจากวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรป และจากหนี้สินที่คณะผู้บริหารในระดับท้องถิ่นสร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม จีนสามารถควบคุมให้เศรษฐกิจของตนชะลอการเติบโตลงอย่างไม่รุนแรงมากนักได้ด้วยการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน
ในรายงานการปรับการคาดการณ์ช่วงกลางปีสำหรับเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (22 พ.ย.) ธนาคารโลกได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้เป็นร้อยละ 9.1 สูงขึ้นเล็กน้อยจากการคาดการณ์เมื่อเดือนมี.ค. ที่ร้อยละ 9
อย่างไรก็ตาม เวิลด์แบงก์คาดว่า การเติบโตของจีนจะเริ่มชะลอลงนับจากปีหน้าเป็นต้นไป โดยจะชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 8.4 ในปี 2555 เนื่องจากการเศรษฐกิจในต่างประเทศชะลอตัว ขณะเดียวกันรัฐบาลปักกิ่งเองก็กำลังควบคุมให้เศรษฐกิจแดนมังกรลดการพึ่งพาการลงทุนและการผลิต
เวิลด์แบงก์ระบุว่า สาเหตุที่การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้วเป็นผลมาจากความต้องการสั่งซื้อสินค้า ที่ถดถอยลงของต่างชาติทำให้กระทบต่อการลงทุนและการส่งออก นอกจากนั้น นโยบายคุมเข้มทางการเงินของรัฐบาลปักกิ่งยังทำให้การลงทุนในปีนี้พลอยชะลอลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ภาวะเงินเฟ้อ ที่กำลังลดลงในประเทศทำให้ขณะนี้จีนมีโอกาสมากขึ้น ที่จะปรับนโยบายคืนสู่ปกติ
นอกจากนั้น เวิลด์แบงก์ชี้ว่า นโยบายในการควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์ของจีนอาจสร้างแรงกดดันต่อคณะผู้บริหารในท้องถิ่นบางแห่ง ที่กู้สินเชื่อจากธนาคารมาเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การเร่งขายทรัพย์สินเพื่อลดหนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นในระดับเดียวกับที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ
ผลการศึกษาของธนาคารโลกร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังระบุด้วยว่า ระบบธนาคารของจีนมีความสามารถในการต้านทานความผันผวนอย่างรุนแรงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และอัตราดอกเบี้ย
ในรายงานฉบับนี้ ยกเว้นจีนแล้ว เวิลด์แบงก์ได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออก ที่ประกอบด้วยชาติกำลังพัฒนาอื่น ๆ ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4.7 ในปีนี้ จากร้อยละ 5.3 ตามคาดการณ์ก่อนหน้า เนื่องจากชาติพัฒนาลดการนำเข้า และอุทกภัยครั้งใหญ่ได้ทำลายฐานการผลิตในไทย