ผู้เชี่ยวชาญฯ ถก"จีดีพี"จีน ปรับลดเพื่อโต สมเหตุสมผล

เอเยนซี - สื่อจีนรายงาน (5 มี.ค.) ความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับเสถียรภาพการเติบโตเศรษฐกิจจีน การขยายความต้องการภายในประเทศ คุมเงินเฟ้อ และกระตุ้นภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ซึ่งกำลังเป็นเรื่องที่โลกจับตามองทิศทางในการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 11 ครั้งที่ 5

"เติบโตอย่างมั่นคง มีเสถียรภาพ ขยายความต้องการภายในประเทศ"
ความคาดการณ์ตัวเลข จีดีพีของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน มักจะเป็นจุดสนใจสำคัญที่สุดของการประชุม โดยเมื่อปี 2554 จีดีพีจีนขยายตัวที่ ร้อยละ 9.2 ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติการเงินโลกและอุปสรรคทั้งภายในภายนอก

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนได้แสดงสัญญาณ ให้เห็นว่าอัตราเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวตั้งแต่ต้นปี 2555 จากตัวเลขเศรษฐกิจของรัฐบาลท้องถิ่นต่างๆ ที่เปิดเผยออกมา ซึ่งเดิมทีรัฐบาลเคยตั้งเป้าการเติบโตฯ ทุกปี ไว้ว่าจะขยายเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 8 ซึ่งนับว่าต่ำสุดแล้ว แต่ตัวเลขนี้ ก็ยังดูจะสูงเกิน สำหรับปริมณฑลเศรษฐกิจทั้งหลายของจีน อาทิ ก่วงตง เจียงซู ซันตง ซึ่งล้วนมียอดเติบโตต่ำกว่าเป้าฯ โดยล่าสุด เช้าวันที่ 5 มี.ค. นายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่าของจีน ได้แถลง ในการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 11 ครั้งที่ 5 (เอ็นพีซี) ว่ารัฐบาลได้ ปรับลดเป้าหมายอัตราการเจริญเติบโตของ จีดีพีปีนี้ลงเหลือร้อยละ 7.5 หรือลดลงร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ

เจิ้ง ซี่นหลี่ รองประธาน ศูนย์แลกเปลี่ยนเศรษฐกิจระหว่างประเทศของจีน กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่หดตัวลง เป็นปัจจัยมาจากทั้งภายในและภายนอก ซึ่งที่ผ่านมามีมากมาย อาทิ มาตรการคุมเข้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อลดช่องว่างเหลื่อมล้ำ และรวมถึงปัจจัยภายนอกที่ความต้องการของผู้บริโภคต่างประเทศหดหายไปอย่างมีนัยยะสำคัญ

รายงานข่าวกล่าวว่า แรงเหวี่ยงทางเศรษฐกิจที่อ่อนลง มีผลต่อการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จีน ที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกับปากท้องชีวิตประชาชนจีนหลายล้านคน ซึ่งเป็นแรงงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกอยู่ในเวลานี้ ก็เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจมากกว่าที่ผ่านๆ มา

ก่อนหน้านี้ จอร์จ โซรอส นักธุรกิจการเงินโลก กล่าวในการประชุมเศรษฐกิจโลก World Economic Forum ที่กรุงดาวอสว่า ในปีนี้ จีนจะไม่สามารถรักษาอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจที่ร้อยละ 8 เพราะยอดส่งออกที่หดหายไปจากวิกฤติหนี้ยุโรป

ขณะที่นาย หลี่ เต้าขุ่ย สมาชิกกรรมาธิการนโยบายการเงินของธนาคารประชาชนจีน (The People's Bank of China : PBC) กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม จีนจะสามารถเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 8.5 ในปีนี้ ซึ่งแม้ว่าความเห็นจะแตกต่างแต่สิ่งที่สอดคล้องกันคือ ยอมรับว่าอัตราเติบโตเศรษฐกิจจะช้าลง

ทว่า เปรียบเทียบกับการเติบโตเศรษฐกิจที่ตัวเลขระดับสองหลัก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า การเติบโตที่ชะลอช้าลงนี้ หมายถึงจะไม่มีความเสี่ยงจากการขยายตัวที่ร้อนแรงเกินจริง และดูเป็นเหตุเป็นผลมากกว่า เหมือนเครื่องบินที่ค่อยๆ ลดระดับอย่างนุ่มนวล (Soft Landing) ไม่ต้องเผชิญแรงกระแทกจนเสียหาย

ศาสตราจารย์ หนิว เวินหยวน กรรมาธิการจากสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน ซึ่งทำงานให้กับสถาบันสังคมศาสตร์แห่งชาติ หน่วยงานระดับมันสมองของรัฐบาล กล่าวว่า จีนจะรักษาระดับคุณภาพของจีดีพี เพื่อลดความเติบโตที่นำความเสี่ยงมาให้ รวมถึงต้นทุนอันเกินจำเป็นในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในส่วนของการขยายความต้องการภายในประเทศ นักวิเคราะห์จากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (National Bureau of Statistics (NBS) กล่าวคาดการณ์ว่า ปีนี้จะเป็นปีที่จีนต้องรับมือกับปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยุโรป

เว่ย เจียวกั่ว เลขาธิการทั่วไปของศูนย์แลกเปลี่ยนเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กล่าวว่า แม้ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศจะลดลง แต่ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้มีการปรับโครงสร้างการค้าระหว่างประเทศไปพร้อมกัน

ขณะที่นาย เย่า จิ่งหยวน นักวิจัยจากสำนักงานกรรมาธิการรัฐ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจจีน มาถึงช่วงที่สำคัญ ซึ่งปัจจัยโครงสร้างทั้งด้านการพัฒนาเมือง และโครงสร้างประชากรสูงอายุส่วนหนึ่งกำลังเปลี่ยนช่องทางการลงทุน ในอุตสาหกรรมที่เติบโตใหม่