วาเลนไทน์แห่งรัก รองปธน.จีนเดินทางจูบปากมะกัน หวังสัมพันธ์หวานชื่น

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - รองประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนจะเดินทางไปพบปะกับประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯ ณ ทำเนียบขาว ในวันวาเลนไทน์ 14 ก.พ.ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าท่านรองสีฯ จะขึ้นแท่นผู้นำจีนแทนผู้นำหู จิ่นเทาคนเดิมอย่างแน่นอน

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันวานนี้ (24 ม.ค.) ว่าในวันวาเลนไทน์นี้จะมีการพบปะจริง โดยเจ้าภาพในการจัดต้อนรับผู้นำจีนจะเป็นรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งจะได้วางรายการให้สีเดินทางไปเยือนรัฐไอโอวา และแคลิฟอร์เนียด้วย

“สีก็คงจะต้องพบโอบามา ไบเดน และผู้นำรัฐบาลมะกันระดับสูงอีกหลายคน เพื่ออภิปรายในประเด็นความสัมพันธ์ทั้งทวิภาคี ภูมิภาคและระดับโลก” แถลงการณ์ของทำเนียบขาวฯ ระบุ

เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศจีนยังไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการประกาศในครั้งนี้ แต่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สีเคยเปรยไว้ว่าจะเดินทางเยือนแดนพญาอินทรีเร็ว ๆ นี้ พร้อมทั้งจะเรียกร้องให้มีการเชื่อมสัมพันธ์หวานชื่นกับวอชิงตันในระดับทวิภาคี ตลอดจนประเด็นท้าทายระดับโลก

“ไม่ว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงใด ๆ จะกระทบกับสถานการณ์ในโลกใบนี้เพียงไหน แต่เป้าประสงค์ที่จะพัฒนาความร่วมมือระหว่างจีน-สหรัฐฯจะไม่กระเพื่อมตามแรงกระแทกเหล่านั้น” สีกล่าวเนื่องในวาระครบรอบ 40 ปี อดีตผู้นำริชาร์ด นิกสันแห่งสหรัฐฯเดินทางเยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์ ณ กรุงปักกิ่ง

“ในการรับมือกับประเด็นอ่อนไหวต่าง ๆ พวกเราต้องเชื่อมั่น เคารพกันและกัน และจัดการปัญหาอย่างสุขุม” สีกล่าว

สิ่งที่เป็นปัญหากร่อนเซาะสัมพันธ์จีน-มะกันมาช้านานมีตั้งแต่การค้า การทหาร ไปยันความตึงเครียดในภูมิภาค อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า การเปลี่ยนผ่านผู้นำจีนและการเลือกตั้งผู้นำมะกันคนใหม่จะทำให้ปัญหาเหล่านี้ผ่อนคลายลงได้

จีนได้เตือนรัฐบาลโอบามาหลายครั้งที่ออกนโยบายอันกระทบต่อความสัมพันธ์ด้านการเงินระหว่างประเทศ ทั้งนี้สหรัฐฯมักจะแสดงความไม่พอใจที่จีนตรึงค่าเงินหยวนของตนไว้ต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อกระตุ้นการส่งออกสินค้า นอกจากนั้นการที่รัฐบาลสหรัฐฯนำทหารเข้าประจำการในแปซิฟิกนั้น ก็เป็นอีกจุดเปราะบางหนึ่งที่จีนคิดว่า มะกันกำลังปิดล้อมมังกร

การเดินทางเยือนสหรัฐฯในลักษณะนี้ ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสมัยที่หู จิ่นเทายังไม่ได้เป็นประธานาธิบดี ก็ได้เดินทางเยือนสหรัฐฯในปี 2545 ต่อมาไม่กี่เดือนเขาก็ได้เป็นผู้นำจีนต่อจากอดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน

เพียงไม่ถึงปีก่อนเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายโจมตีสหรัฐฯ 9/11 หู จิ่นเทาได้ค้นพบว่าสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บูช ชอบใช้กำลังทางทหารมากกว่าการเจรจาทางการทูต แต่ขณะนี้สี จิ้นผิงเองก็ต้องค้นให้พบเช่นกันว่าสหรัฐฯที่ตนจะสมาคมด้วยนั้นเป็นอย่างไร มีความท้าทายมากน้อยเพียงใด และพรรคใดจะได้ขึ้นนั่งเก้าอี้ผู้นำฯ มะกัน

เมื่อปีก่อนหน้าที่ผ่านมา หูเดินทางเยือนสหรัฐฯ และเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับของบรรดาผู้นำนักธุรกิจในนิวยอร์ก ทำให้ข้อสงสัยเกี่ยวกับเมฆหมอกปราการทะมึนด้านการทหารระหว่างจีน-สหรัฐฯ สลายตัวไป นักวิเคราะห์เชื่อว่าจากนี้ 10ปี ประเด็นด้านการทหารและยุทธศาสตร์ในเอเชียแปซิฟิกจะกลายเป็นประเด็นร้อนที่สีจะต้องรับมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการพัฒนาเกาหลีเหนือและพม่า

เป็นที่คาดกันว่าสี จิ้นผิงจะสืบอำนาจผู้นำจีนต่อจากประธานาธิบดีหู จิ่นเทาอย่างแน่นอน ตลอดจนตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ฯ พรรคคอมมิวนิสต์ด้วย