เอเอฟพี - ดัชนีราคาผู้บริโภคหรือซีพีไอ ปรอทชี้วัดเงินเฟ้อของจีนชะลอตัวช้าสุดในรอบกว่า 1 ปี ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา สำนักสถิติจีนเผย (12 ม.ค.) หากตัวเลขลดลงก็จะทำให้รัฐบาลมีแนวโน้มผ่อนคลายมาตรการตรึงการปล่อยกู้ เพื่อทำให้เศรษฐกิจขึ้นมาฟื้นตัวอีกครั้ง
สำนักสถิติแห่งชาติจีนเผยในแถลงการณ์ว่า ในเดือนธันวาคม เงินเฟ้อจีนอยู่ที่ระดับ 4.1 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี เทียบกับเดือนก่อนหน้า (พ.ย.) ขยายตัวอยู่ที่ 4.2 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้นหากคิดเฉลี่ยทั้งปี 2554 เงินเฟ้อจีนอยู่ที่ระดับ 5.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังคงสูงกว่าตัวเลขที่รัฐบาลต้องการจะให้เป็นนั่นคือ 4 เปอร์เซ็นต์อยู่มาก
จากตัวเลขในเดือนธันวาคมถือว่าอัตราเงินเฟ้อของจีนลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 นับแต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในรอบ 3 ปี อยู่ที่ 6.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา นั่นแสดงว่ามาตรการควบเงินเฟ้อของรัฐบาลจีนได้ผลต่อเนื่อง
ผลสำรวจของดาวโจนส์ นิวส์ไวร์ เผย ตัวเลข 4.1 เปอร์เซ็นต์นี้ถือว่าต่ำสุดนับแต่เดือนก.ย. 2553 ซึ่งเงินเฟ้อในขณะนั้นอยู่ที่เพียง 3.6 เปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากนั้นก็เพิ่มสูงขึ้นเกิน 4 เปอร์เซ็นต์ เกินกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ราคาอาหารเป็นกุญแจสำคัญที่ขับเคลื่อนเงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้น 9.1 เปอร์เซ็นต์ต่อปีในเดือนธ.ค. เทียบกับ 8.8 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพ.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่า เหตุที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากใกล้กับเทศกาลตรุษจีนในเดือนม.ค. 2555 นี้ ซึ่งวันหยุดปีใหม่จีนดังกล่าว หรือที่รู้จักกันว่าเทศกาลชุนเจี๋ย ถือเป็นการเฉลิมฉลองสำคัญสุดตามปฏิทินจีน
ส่วนการค้าปลีกนั้นเพิ่มขึ้นแบบพิเศษต่อเนื่องหลายสัปดาห์ เนื่องจากประชาชนแห่กันไปซื้ออาหาร สุราและของขวัญส่งให้ครอบครัวและเพื่อนฝูง
สำหรับการขยายตัวของดัชนีราคาผู้ผลิต ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดราคาสินค้าหน้าประตูโรงงานหรือแหล่งผลิตนั้น ช้าลงอยู่ที่ 1.7 เปอร์เซ็นต์ในเดือนธ.ค. เทียบกับ 2.7 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพ.ย. และ5 เปอร์เซ็นต์ในเดือนต.ค.
จีนได้ปรับเพิ่มดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดการฝากเงิน พร้อมสั่งธนาคารเพิ่มเงินสดสำรองหลายครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่รัฐบาลก็ยังคงกังวลเรื่องราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้นอาจกระตุ้นความไม่สงบในสังคมจีนได้
ในช่วงปลายเดือนพ.ย. ผู้กำหนดนโยบายของจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ ขณะเดียวกับที่ยุโรปและสหรัฐฯกำลังประสบสภาวะเศรษฐกิจขาลง ซึ่งส่งผลต่อการส่งออกของมหาอำนาจเศรษฐกิจลำดับสองของโลกอย่างจีนโดยตรง
ข้อมูลเผยในสัปดาห์นี้ว่า การส่งออกของจีนเพิ่มขึ้น 20.3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2554 เทียบกับปีก่อนหน้าที่เพิ่มสูงถึง 31.3 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นมีการคาดกันว่าปีนี้การขยายตัวจะลดลงครึ่งต่อครึ่ง เมื่อผู้บริโภคต่างแดนเริ่มรัดเข็มขัดการจับจ่ายใช้สอย
แต่ผู้กำหนดนโยบายยังคงสนับสนุนให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น เก็บภาษีให้น้อยลง สนับสนุนการลงทุนโครงการขนาดเล็ก เช่นโครงการบ้านราคาถูกเป็นต้น
ผู้นำจีนระดับสูงให้คำมั่นซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะรักษานโยบายทางการเงินปี 2555 ให้มีความสุขุมและเข้ากับสถานการณ์ พร้อมแนะว่าอาจจะเปิดโอกาสให้มีการปล่อยกู้นำเงินลงสู่ระบบเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่กำลังย่ำแย่ โดยอาจยอมให้เงินเฟ้อขึ้นบ้าง.