เอเอฟพี - กองทัพอากาศไต้หวันเผยว่า ไต้หวันรับเครื่องบินเตือนภัยยกเครื่องเทคโนโลยีรุ่นใหม่กลับคืนมาจากสหรัฐฯ (18 ธ.ค.) อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการยกระดับกองทัพมังกรน้อย ซึ่งอาจส่งผลให้สัมพันธ์จีน-มะกันขมขื่นลงอีก
เครื่องบินเตือนภัยเรดาร์ E-2K ฮ็อคอาย มาถึงฐานทัพเมืองเกาสยง ทำให้ขณะนี้ทัพฟ้าไต้หวันมีเครื่องบินเตือนภัยแบบนี้ 4 ลำ หลังจากไต้หวันส่งไปให้กับสหรัฐฯ เพื่อทำการยกเครื่องในปีที่ผ่านมา
ในปี 2538 ไต้หวันมีเครื่องบินรุ่น E-2Ts ในครอบครอง 4 ลำ และได้เพิ่ม E-2K ซึ่งผลิตโดยบริษัทกรัมแมน แอโรสเปส คอร์ปอเรชั่น (สหรัฐอเมริกา) เข้ามาอีก 2 ลำ ในปี 2549
เมื่อเดือนที่ผ่านมา เครื่องบินรุ่น E-2Ts ก็ได้บินไปให้สหรัฐฯยกเครื่องอีก 2 ลำ ภายใต้การตกลงขายอาวุธให้ไต้หวันของสหรัฐฯที่ได้ทำกันไว้ในปี 2551 มูลค่า 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงอาวุธอื่น ๆ อาทิ ระบบขีปนาวุธต่อต้านแพทริออตรุ่นก้าวหน้า เฮลิคอปเตอร์โจมตี ตลอดจนขีปนาวุธยิงจากเรือดำน้ำด้วย
นักวิเคราะห์เผยว่า E-2K ซึ่งสามารถใช้ได้ทุกสภาพอากาศ เตือนภัยเร็ว มีระบบควบคุมติดตั้งด้วยซอฟแวร์เรดาร์รุ่นใหม่มีจานโดมอยู่บริเวณกลางลำตัวนี้ จะสามารถช่วยลดเวลาการเตือนภัยให้เร็วขึ้นได้หากถูกกองทัพจากแผ่นดินใหญ่โจมตี
จีนควันออกหูที่สหรัฐฯ ตัดสินใจขายอาวุธชุดใหญ่รุ่นก้าวหน้าให้กับไต้หวัน ตลอดจนอุปกรณ์ต่าง ๆ ทางการทหาร ทั้งขีปนาวุธนำวิถี เฮลิคอปเตอร์โจมตี ขณะนั้นจีนตัดสินใจตัดสัมพันธ์ทางการทูตและการทหารกับวอชิงตันเพื่อบอกให้รู้ว่าจีนไม่พอใจอย่างยิ่ง
จีนเห็นว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของตน ดังนั้นหากชาติอื่นเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไต้หวันก็ถือว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของจีนด้วย
สัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวันยกระดับดีขึ้นหลังจากหม่า อิงจิ่วแห่งพรรคก๊กมินตั๋งขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีในปี 2551 และมีการทำข้อตกลงทางการค้า เชื่อมสัมพันธ์การท่องเที่ยว ทำให้ความตึงเครียดระหว่างช่องแคบไต้หวันลดลง
อย่างไรก็ตาม จีนยังคงมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่รอการหวนคืน หากจำเป็นอาจใช้กำลังทหารเข้ายึด แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะแบ่งแยกกันปกครองนับแต่สิ้นสุดสงครามกลางเมืองในปี 2492 แล้วก็ตาม.