เอเอฟพี - เอสเอชบีซีเผย (23 พ.ย.) กิจกรรมการผลิตของจีนเข้าสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 32 เดือนในเดือนพ.ย. สร้างกระแสหวาดกลัวว่าเศรษฐกิจจีนอาจหมดกำลัง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังย่ำแย่
ก่อนหน้านี้ 1 วัน รองนายกรัฐมนตรีหวัง ฉีซานของจีน เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังระดับสูงมีการแจ้งเตือนว่า ภาวะตกต่ำของเศรษฐกิจโลกเกิดขึ้นต่อเนื่อง และจะกระทบต่อประเทศที่มีเศรษฐกิจผูกติดกับกับการส่งออกอย่างแน่นอน เพราะจะส่งผลให้ความต้องการสินค้าจากตลาดภายนอกลดน้อยลง
ผลการสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ของ HSBC ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดกิจกรรมความเคลื่อนไหวภาคอุตสาหกรรมของจีน ลดลงมาอยู่ที่ 48 ในเดือนพ.ย. ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบ 32 เดือนนับแต่เดือนมี.ค. ปี 2552 เทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 51 แถลงการณ์ HSBC ระบุ
นักวิเคราะห์อธิบายว่า ค่าดัชนี PMI มีเส้นแบ่งระหว่างภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่งและหดตัวที่ระดับ 50 โดยหากเคลื่อนไหวสูงกว่าระดับ 50 แสดงถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจ และหากหดตัวดัชนีจะลดไปต่ำกว่าระดับ 50
ฉี่ว์ หงปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ HSBC คาดการณ์ว่าความต้องการสินค้าจากต่างประเทศจะลดลง ซึ่งจะส่งผลให้การผลิตของจีนในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้อ่อนแอลง
แต่ฉี่ว์ชี้ว่า จีนยังคงมีช่องทางในการผ่อนคลายการตรึงนโยบายทางการเงินเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจภายในประเทศที่กำลังชะลอตัวได้ เฉกเช่นเดียวกับที่จีนจัดการปัญหาเงินเฟ้อ
จีนกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูง จึงได้งัดสารพัดมาตรการออกมาจัดการคุมราคาสินค้าในช่วงปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การจำกัดการปล่อยกู้ของธนาคารโดยให้เก็บเงินสดสำรองคงคลังไว้ และเพิ่มดอกเบี้ยเงินฝากเร่งให้ประชาชนนำเงินเข้าสู่ระบบ
มาตรการของจีนเหล่านั้นท่าทางจะได้ผล เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมาดัชนีราคาผู้บริโภคปรอทชี้วัดเงินเฟ้อขงจีนลดลงอยู่ที่ 5.5 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี ซึ่งถือว่าก้าวช้าสุดนับแต่เดือนพ.ค. และราคาอาหารเริ่มลดลงแล้ว
ฉี่ว์ ชี้ว่า “จีนยังคงมีช่องทางอื่น ๆ ในการหามาตรการมาจัดการปัญหาเศรษฐกิจของตน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจขาลงของจีนไม่รุนแรงหรือเข้าสู่ภาวะฮาร์ดแลนดิ้งได้ง่าย ๆ”
เศรษฐกิจจีนขยายตัวอยู่ที่ 9.1 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 3 เทียบกับไตรมาสที่สองที่อยู่ที่ 9.5 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นผลมาจากมาตรการคุมเงินเฟ้อของรัฐบาล และปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หวังเตือนว่าจีนต้องจัดการแก้ไขปัญหาที่โครงสร้างระบบการเงินเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจขาลงในระยะยาวของทั้งโลก ซึ่งจะกระทบต่อมหาอำนาจเศรษฐกิจลำดับสองอย่างจีนอย่างแน่นอน
สำนักข่าวซินหวาเผยว่า “สำหรับเศรษฐกิจจีนที่พึ่งพาการส่งออกขนานใหญ่นั้น ควรจะต้องมาทบทวนทำความเข้าใจสถานการณ์และจัดการปัญหาที่บ้านของตน”
ผู้นำจีนพยายามผลักดันเศรษฐกิจจากการพึ่งพาการส่งออกไปสู่การเน้นการบริโภคภายใน ให้เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ.
มาดูแรงงานชาวจีนกำลังทำงานในโรงงานเย็บผ้ามณฑลอานฮุย ขณะนี้การผลิตจีนกำลังลดต่ำสุดตามคาดการณ์ของเอชเอสบีซี มาดูว่าพนักงานเขากำลังทำอะไรกัน (ภาพเอเอฟพี)