xs
xsm
sm
md
lg

จีนเรียกร้องต่ออายุพิธีสารเกียวโต บังคับประเทศรวยลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เสี่ย เจิ้นหวา รองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติ และตัวแทนการเจาจาจากจีน ในการประชุมรอบโคเปนเฮเกนปี 2552 (แฟ้มภาพเอเอฟพี)
เอเยนซี - พญามังกรจีนผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากสุดในโลก เผย (22 พ.ย.) ว่า ในการเจรจาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกในสัปดาห์หน้า จีนจะเรียกร้องให้ยืดอายุพิธีสารเกียวโตออกไปอีกเป็นช่วงที่ 2 ซึ่งมีเนื้อหาเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลง

นายเสี่ย เจิ้นหวา รองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติ ตัวแทนการเจรจาจากจีน เรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยจ่ายเงินเพื่อเป็นกลไกในการช่วยประเทศกำลังพัฒนาเพื่อช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน ในการประชุมที่เมืองเดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ในสัปดาห์หน้า

เสี่ยเผยว่า จีนจะยังคงทำหน้าที่ค่อย ๆ พัฒนาก้าวไปอย่างเหมาะสม พร้อมย้ำจุดยืนของจีนว่า ประเทศที่ยากจนกว่า ไม่ควรจะต้องมามีพันธะผูกพันทางกฎหมายในการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“การลดการปล่อยก๊าซทำลายชั้นบรรยากาศ สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วในช่วงที่ 2 ภายใต้พิธีสารเกียวโตควรจะมีความชัดเจนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” เสี่ยแถลงถึงรายละเอียดการประชุมตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในสัปดาห์หน้าที่เมืองเดอร์บัน

ทั้งนี้ อายุการบังคับใช้ตามระเบียบของพิธีสารเกียวโตรอบแรก จะสิ้นสุดลงในสิ้นปี 2555

“ชาติพัฒนาแล้ว จะต้องรับรองพันธะทางกฎหมายในพิธีสารทั้งในรอบแรก และรอบที่ 2 เพื่อการลดการปล่อยก๊าซฯ”

“ประเทศกำลังพัฒนา หลังจากได้รับเงินทุนและเทคโนโลยีแล้ว ก็ควรจะนำมาใช้ปรับปรุงภายในประเทศของตนให้ดีขึ้น”

จีนมักจะกล่าวเสมอว่า ชาติพัฒนาแล้วมีประวัติศาสตร์การปฏิวัติอุตสาหกรรมอันยาวนาน ก็ควรจะมีความรับผิดชอบปัญหาสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามในการเจรจาฯรอบโคเปนเฮเกนเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา ดูเหมือนจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จ และอ่อนแอมาก เนื่องจากพิธีสารฯไม่ครอบคลุมหรือผูกพันประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนและอินเดีย แถมมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯยังปฏิเสธไม่เข้าร่วมฯ
โรงไฟฟ้าพลังถ่านหินกรุงปักกิ่ง 22 พ.ย. ทั้งนี้จีนเรียกร้องให้ขยายอายุพิธีสารเกียวโตในรอบที่ 2 ซึ่งเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ภาพเอเอฟพี)
แคนาดา ญี่ปุ่นและรัสเซียขณะนี้ได้ปฏิเสธลงนามสำหรับข้อตกลงในรอบที่ 2 นี้แล้ว เนื่องจากไม่เห็นด้วยที่มหาอำนาจผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากสุดในโลก กลับไม่อยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายฯ

ฝ่ายสหภาพยุโรปชี้ว่าสามารถยอมรับข้อผูกพันทางกฎหมายนี้ต่อไป

เสี่ยยอมรับว่า “ขณะนี้นานาประเทศเห็นว่าจีนเป็นผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากสุดในโลกและนั่นก็เป็นความจริง”

อย่างไรก็ตาม เสี่ยชี้ว่า จีนก็ได้พยายามทำอย่างดีที่สุด ในรอบการประชุมปี 2552 จีนก็ได้รับคำลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นต่อหน่วยของจีดีพีของประเทศอยู่ระหว่าง 40-45 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2563 เทียบกับการปล่อยฯในปี 2548

แต่เสี่ยก็ยอมรับว่าในช่วงนี้จนถึงปี 2563 จีนจะต้องปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น แต่เสี่ยไม่ได้คาดการณ์ว่าปีใดที่จีนจะปล่อยก๊าซปริมาณมากที่สุด

นอกจากนั้นเสี่ยยังเผยว่า ประเทศพัฒนาแล้ว มิอาจใช้วิกฤติเศรษฐกิจโลกมาเป็นข้ออ้างที่จะไม่รับผิดชอบในการให้เงินช่วยเหลือด้านการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมแก่ประเทศยากจน.
กำลังโหลดความคิดเห็น