xs
xsm
sm
md
lg

จีนได้เปรียบดุลการค้าลดลงอยู่ที่ 14,510 ล้านเหรียญ ในเดือนก.ย.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แรงงานกำลังประกอบชิ้นส่วนในโรงงานฯ จีน ทั้งนี้จีนได้เปรียบดุลการค้าลดลงในเดือนก.ย. ส่งผลให้เกิดความกังวลเรื่องการจ้างงาน และการล้มละลายของธุรกิจในแดนมังกร (ภาพเอเยนซี)
เอเอฟพี - การได้เปรียบดุลการค้าของจีน ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่อ่อนไหวทางการเมือง ในเดือนก.ย. มีมูลค่าลดลงมาอยู่ที่ 14,510 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากการส่งออกลดลงอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจที่ยุ่งเหยิงทั้งในสหรัฐฯและยุโรป

ข้อมูลดังกล่าวจุดชนวนความกังวลเกี่ยวกับภาคการผลิตของจีนทั่วหน้า ซึ่งบรรดานายจ้างจีนได้จ้างแรงงานไว้หลายล้านคน ภาคผลิตของจีนมีการหดตัวต่อเนื่องในหลายเดือนมานี้ เนื่องจากปริมาณความต้องการสินค้าจากต่างประเทศจำพวกเสื้อผ้าและอุปกรณ์ขนาดเล็กในจีน เกิดลดลงต่อเนื่อง

ผู้สำนักงานศุลกากรจีน เผยแถลงการณ์ (13 ต.ค.) ว่า การส่งออกของจีนในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 17.1 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี มูลค่า 169,700 ล้านดอลลาร์ เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้นถึง 24.5 เปอร์เซ็นต์แล้ว ถือว่าเดือนก.ย. ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนการนำเข้าในเดือนก.ย.ก็ขยายตัวเพียง 20.9 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี มูลค่า 155,200 ล้านดอลลาร์ เทียบกับเดือนส.ค.ที่เพิ่มขยายถึง 30.2 เปอร์เซ็นต์

หากจับตาดูการได้เปรียบดุลการค้าอย่างใกล้ชิดจะเห็นว่า ในเดือนก.ย. ลดลงอย่างมากจากมูลค่า 17,800 ล้านเหรียญในเดือนส.ค. ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจในแดนมังกร จ้าวเศรษฐกิจอันดับสองของโลกต้องหดตัวลง

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของดาวโจนส์ นิวส์ไวร์ส เผยว่า นักเศรษฐศาสตร์ได้ทำนายไว้ก่อนหน้านี้ว่า จีนจะได้เปรียบดุลการค้าที่ 17,250 ล้านเหรียญฯ ในเดือนก.ย.

ตัวเลขเศรษฐกิจจีนเกี่ยวข้องกับคู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ซึ่งทั้งคู่ก็บอกว่า จีนควบคุมเงินหยวนให้อ่อนค่าเกินความเป็นจริง ทำให้สามารถส่งออกได้เป็นจำนวนมากและไม่ยุติธรรมกับพวกเขา

เมื่อต้นสัปดาห์นี้ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ได้ลงคะแนนผ่านร่าางกฎหมายลงโทษจีน โดยสหรัฐฯ โทษว่า จีนคุมเงินหยวนให้อ่อนค่า ทำให้คนมะกันตกงานระเนระนาด

จีนตอบโต้ทันควันว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นเสมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะทำลายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองชาติ ขณะที่จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสังกัดรีพับลิกัน ออกมาแสดงท่าทีคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว โดยชี้ว่า จะนำมาซึ่ง “สงครามการค้า”และผลลัพธ์นั้นเกินหยั่งคาด
กำลังโหลดความคิดเห็น