รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานปริวรรตเงินตราจีน เผยว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2555 อาจจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 9 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ พร้อมย้ำความซบเซาเศรษฐกิจจีนจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจโลกเลวร้ายลง
หวง กั๋วปัว หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ประจำสำนักปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) แถลงว่า นโยบายของจีนยังคงเน้นไปที่การควบคุมเงินเฟ้อซึ่งคาดว่าจะยังคงสูงต่อเนื่องในอีกหลายเดือนต่อจากนี้
ความเห็นของนายกรัฐมนตรีจีน เวิน จยาเป่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สะท้อนว่า “เงินเฟ้อจีนสูงไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
“เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญปัญหาท้าทาย แม้ว่าจะขยายตัวดีก็ตาม” หวงกล่าว “ปัญหาท้าทายตอนนี้ก็คือ ความต้องการสินค้าจีนของต่างประเทศกำลังอ่อนลง.. ในปีหน้า หากยังคงเป็นเช่นนี้ อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจจีนจะต้องต่ำกว่า 9 เปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน”
หวงไม่ใช่คนแรกของนักเศรษฐศาสตร์ภาครัฐของจีนที่ทำนายว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง ถ้อยแถลงของเขาก็เป็นสัญญาณให้รัฐบาลจีนเห็นได้ชัดว่า มหาอำนาจเศรษฐกิจลำดับสองของโลกอย่างจีนกำลังคลายตัว
หวัง เจี้ยน นักเศรษฐศาสตร์ที่ทำงานร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ก็ทราบเรื่องนี้ดี เขาเผยกับสื่อจีนท้องถิ่นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า “อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนจะต่ำกว่า 8 เปอร์เซ็นต์ในครึ่งปีแรกของปี 2555”
อย่างไรก็ตาม คำทำนายนี้ไม่เป็นพี่พึงใจของบรรดานักกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ทั้งนั้นการขยายตัวเศรษฐกิจจีนได้เป็นฐานสำคัญที่ค้ำจุนเศรษฐกิจโลกด้วย
เศรษฐกิจจีนขยายตัวในปี 2553 อยู่ที่ 10.3 เปอร์เซ็นต์ และตลอดช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2551-2552 ก็รักษาระดับขยายตัวมากกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อปี 2001 เศรษฐกิจจีนโตอยู่ที่ 8.3 เปอร์เซ็นต์ซึ่งถือเป็นระดับ 8 เปอร์เซ็นต์ ปีสุดท้าย จากนั้นก็ขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ตลอดมา
เศรษฐกิจจีนเน้นหนักไปที่การพึ่งพาการส่งออกโดยเฉพาะตลาดยุโรปและอเมริกาเหนือ ซึ่งขณะนี้ตลาดเงินตราในสองพื้นที่ดังกล่าวก็กำลังประสบปัญหาชะลอตัวเช่นกัน
ผลสำรวจของรอยเตอร์ชี้การคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจจีนอาจขยายตัวช้าจาก 9.3 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้เป็น 8.8 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า
อย่างไรก็ตามการขยายตัวช้านี้ก็อยู่ในระดับที่จีนตั้งไว้ในพิมพ์เขียวพัฒนาเศรษฐกิจระยะ 5 ปี ว่า เศรษฐกิจจีนโดยเฉลี่ยโตปีละ 7 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปีไปจนกระทั่งปี 2558
นายกเวินฯ แถลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวลดลงนี้จีนก็ได้คาดการณ์ไว้แล้ว และจีนมีปรารถนาที่สำคัญก็คือ ต่อสู้กับเงินเฟ้อ ที่อยู่ระดับ 6.5 เปอร์เซ็นต์ในเดือนก.ค. ที่ผ่านมานี้
หวงชี้ว่า ผู้กำหนดนโยบายการเงินจะต้องเน้นไปสู่การแก้ปัญหาเงินเฟ้อ เนื่องจากการเพิ่มปริมาณของเงินร้อนจะไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ในจีน ซึ่งเป็นความกังวลร่วมกันของบรรดานักวิเคราะห์จีน นักวิเคราะห์หลายต่อหลายคนก็คาดว่า สหรัฐฯจะใช้นโยบายการเงินผ่อนปรนเชิงปริมาณ หรือ QE รอบใหม่ต่อไป
“โดยภาพรวม พวกเราเห็นว่าเศรษฐกิจโลกขยายตัวช้าลง แม้แต่ปีนี้ ปัญหาวิกฤติหนี้ก็ย่ำแย่ลงไปอีกโดยเฉาพะในสหภาพยุโรป ซึ่งทำให้กร่อนเซาะความมั่นใจและสร้างความอ่อนไหวในตลาดโลก” หวง กล่าว
“การเผชิญปัญหาทั้งเศรษฐกิจชะลอตัวและปัญหาวิกฤติหนี้ ผมคิดว่าเป็นภาวะยากลำบาก นโยบายการเงินการคลังไม่สามารถนำมาใช้บรรเทาสถานการณ์ได้แล้ว”
เหล่านักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า การเติบโตเพียง 8 เปอร์เซ็นต์หรือน้อยกว่านั้นจะทำให้มีปริมาณงานน้อยกว่าจำนวนคนว่างงาน ซึ่งก็จะสร้างปัญหาในสังคมตามมาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง