ASTVผู้จัดการรายวัน - กคช.ปรับแผนสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ เดินหน้าดึงเอกชนร่วมทุนพัฒนาที่ดินรอการพัฒนาในมือ11แปลงทั่วประเทศ ล่าสุดเร่งร่างพิมพ์เขียวก่อนจัดทำ TOR เปิดโอกาสเอกชนพัฒนา 11 โครงการมูลค่ากว่า 7,910 ล้านบาท คาดต.ค.นี้ ออกประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมได้พร้อมเริ่มก่อสร้างปลายปี54
นายวิฑูรย์ เจียสกุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า ตามนโยบายของ กคช. ซึ่งมีแผนสร้างรายได้จากธุรกิจเชิงพาณิชย์ โดยดำเนินโครงการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน เพื่อปรับบทบาทองค์กรให้สอดคล้องกับการดำเนินงานในอนาคต และการบริหารจัดการทรัพย์สิน ซึ่งเป็นที่ดินรอการพัฒนที่ถือครองอยู่จำนวนมาก และเป็นการเพิ่มศักยภาพของทรัพย์สิน ซึ่งเป็นที่ต้องการของภาคเอกชนในการพัฒนาเชิงธุรกิจ ดังนั้น กคช. จึงได้เชิญภาคเอกชน ที่ได้รับความสนใจกว่า 20 บริษัทในการเข้าร่วมเสวนาวิพากษ์โครงการเคหะร่วมทุน
โดยล่าสุด กคช. มีแผนที่จะนำที่ดิน 11 แปลงทั่วประเทศมาพัฒนาในเชิงพาณิชย์ในรูปแบบที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ ทั้ง บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ และคอมมูนิตี้มอลล์ เป็นต้น โดยแบ่งการพัฒนาโครงการออกที่มีมูลค่าน้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ออกเป็น 10 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเชียงใหม่ 3/2 (หนองหอย) , โครงการเชียงใหม่ (ดอยสะเก็ด) , โครงการชลบุรี(ชัยพรวิถี) , โครงการระยอง(บ้านฉาง2) , โครงการร่มเกล้า , โครงการกระบี่น้อย , โครงการภูเก็ต (ถลาง) , โครงการภูเก็ต 2(การท่าฯ) , โครงการภูเก็ต (เทพกษัตริย์ตรี) และโครงการตรัง
ส่วนโครงการที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท มีอยู่1 โครงการ ได้แก่ โครงการบางพลี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ โดยเบื้องต้นมีแผนจะพัฒนาในรูปแบบของคอมมูนิตี้มอลล์ และคาดว่าร่างพิมพ์เขียวทั้ง 11 โครงการจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคมนี้ หลังจากนั้นจะจัดทำTORเพื่อจะประกาศเชิญชวนภาคเอกชนที่สนใจร่วมลงทุนซึ่งขณะนี้ระเบียบการเคหะแห่งชาติว่าด้วยวิธีการร่วมลงทุน 2554 เสร็จแล้วคาดว่าจะสามารถเปิดให้เอกชนดำเนินการและเริ่มก่อสร้างได้ปลายปี 2554
“กคช.จะร่วมลงทุนเฉพาะที่ดิน ซึ่งต้นทุนที่ดินทั้ง11 โครงการเบื้องต้นประมาณ 1,529 ล้านบาท ส่วนภาคเอกชนจะต้องดำเนินการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อก่อสร้าง พร้อมทั้งบริหารจัดการโครงการทั้งหมด ซึ่งงบประมาณโครงการเบื้องต้นประมาณกว่า 7,910 ล้านบาท” นายวิฑูร กล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ กคช.ได้ดำเนินโครงการนำร่อง 4 โครงการ ที่มีมูลค่าน้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบางพลีทาวน์โฮม,โครงการกรีนวิลล์ ขอนแก่น ,โครงการนครสวรรค์ นิวมาร์ท และโครงการอุบลราชธานี ทาวน์โฮม ซึ่งอยู่ระหว่างคัดเลือกผู้ร่วมลงทุน และคาดว่าจะลงนามได้ในเดือนก.ย.
นายวิฑูรย์ เจียสกุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า ตามนโยบายของ กคช. ซึ่งมีแผนสร้างรายได้จากธุรกิจเชิงพาณิชย์ โดยดำเนินโครงการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน เพื่อปรับบทบาทองค์กรให้สอดคล้องกับการดำเนินงานในอนาคต และการบริหารจัดการทรัพย์สิน ซึ่งเป็นที่ดินรอการพัฒนที่ถือครองอยู่จำนวนมาก และเป็นการเพิ่มศักยภาพของทรัพย์สิน ซึ่งเป็นที่ต้องการของภาคเอกชนในการพัฒนาเชิงธุรกิจ ดังนั้น กคช. จึงได้เชิญภาคเอกชน ที่ได้รับความสนใจกว่า 20 บริษัทในการเข้าร่วมเสวนาวิพากษ์โครงการเคหะร่วมทุน
โดยล่าสุด กคช. มีแผนที่จะนำที่ดิน 11 แปลงทั่วประเทศมาพัฒนาในเชิงพาณิชย์ในรูปแบบที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ ทั้ง บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ และคอมมูนิตี้มอลล์ เป็นต้น โดยแบ่งการพัฒนาโครงการออกที่มีมูลค่าน้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ออกเป็น 10 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเชียงใหม่ 3/2 (หนองหอย) , โครงการเชียงใหม่ (ดอยสะเก็ด) , โครงการชลบุรี(ชัยพรวิถี) , โครงการระยอง(บ้านฉาง2) , โครงการร่มเกล้า , โครงการกระบี่น้อย , โครงการภูเก็ต (ถลาง) , โครงการภูเก็ต 2(การท่าฯ) , โครงการภูเก็ต (เทพกษัตริย์ตรี) และโครงการตรัง
ส่วนโครงการที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท มีอยู่1 โครงการ ได้แก่ โครงการบางพลี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ โดยเบื้องต้นมีแผนจะพัฒนาในรูปแบบของคอมมูนิตี้มอลล์ และคาดว่าร่างพิมพ์เขียวทั้ง 11 โครงการจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคมนี้ หลังจากนั้นจะจัดทำTORเพื่อจะประกาศเชิญชวนภาคเอกชนที่สนใจร่วมลงทุนซึ่งขณะนี้ระเบียบการเคหะแห่งชาติว่าด้วยวิธีการร่วมลงทุน 2554 เสร็จแล้วคาดว่าจะสามารถเปิดให้เอกชนดำเนินการและเริ่มก่อสร้างได้ปลายปี 2554
“กคช.จะร่วมลงทุนเฉพาะที่ดิน ซึ่งต้นทุนที่ดินทั้ง11 โครงการเบื้องต้นประมาณ 1,529 ล้านบาท ส่วนภาคเอกชนจะต้องดำเนินการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อก่อสร้าง พร้อมทั้งบริหารจัดการโครงการทั้งหมด ซึ่งงบประมาณโครงการเบื้องต้นประมาณกว่า 7,910 ล้านบาท” นายวิฑูร กล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ กคช.ได้ดำเนินโครงการนำร่อง 4 โครงการ ที่มีมูลค่าน้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบางพลีทาวน์โฮม,โครงการกรีนวิลล์ ขอนแก่น ,โครงการนครสวรรค์ นิวมาร์ท และโครงการอุบลราชธานี ทาวน์โฮม ซึ่งอยู่ระหว่างคัดเลือกผู้ร่วมลงทุน และคาดว่าจะลงนามได้ในเดือนก.ย.