เอเอฟพี - ในช่วงสัปดาห์ก่อน ( 8 ส.ค.-14 ส.ค.) จีนปล่อยให้เงินสกุลหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าทำสถิติใหม่อยู่หลายครั้ง นักวิเคราะห์มองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเป็นการส่งสัญญาณในการนำกลยุทธ์ใหม่มารับมือกับปัญหาเงินเฟ้อ ที่กำลังขยายตัว
ขณะนี้รัฐบาลจีนกำลังวิตกว่า ค่าครองชีพ ที่สูงขึ้นอาจทำให้เกิดความไม่สงบในสังคม และวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในสภาวการณ์ที่กำลังเกิดปัญหาการเงินโลกรอบใหม่ ในเมื่อเครื่องมือสำหรับการแก้ไขปัญหาระดับเศรษฐกิจมหภาคอื่น ๆ อาจขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ
ดังนั้น การแข็งค่าของเงินหยวน ซึ่งจะทำให้การนำเข้าสินค้าด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีราคาถูกลง เช่นการนำเข้าน้ำมันดิบ จึงอาจช่วยสกัดการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจได้
นอกจากนั้นการแข็งค่าของเงินหยวนยังส่งผลดีอีกประการ ซึ่งได้แก่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดกับสหรัฐฯ ซึ่งบรรดาส.ส. วิจารณ์มานานแล้วว่า การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ผู้ส่งออกของจีนได้เปรียบอย่างใม่เป็นธรรม
ทั้งนี้ เห็นได้ว่า รัฐบาลปักกิ่งปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่า แตะสถิติใหม่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่รองประธานาธิบดี โจ ไบเดนของสหรัฐฯ มาเยือนจีนในกลางเดือนส.ค.
ตามปกติแล้ว ธนาคารกลางจีนได้กำหนดช่วงการเคลื่อนไหวของค่าเงินหยวน โดยค่าเงินปรับขึ้น-ลงได้ไม่เกิน 0.5 % จากค่ากลาง ที่ธนาคารกลางกำหนดในแต่ละวัน
แต่ในช่วงสัปดาห์ก่อน ( 8 ส.ค.-14 ส.ค.) เงินหยวนแข็งค่าถึง 0.8 % ต่อดอลลาร์ศหรัฐฯ และเมื่อวันอังคาร (9 ส.ค.) ธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางที่ระดับสูงสุดใหม่คือ 6.3925 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะเดียวกันมีกระแสเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้จีนปล่อยเงินหยวนแข็งค่า โดยธนาคารเอชเอสบีซีระบุในรายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ในขณะที่เงินเฟ้อยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลจีน แต่ธนาคารเอชเอสบีซีก็ต้องการเห็นเงินหยวนแข็งค่าขึ้นต่อไป
ด้านไชน่า ซีเคียวริตี้ส์ เจอร์นัล ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ในเครือสำนักข่าวซินหัวของทางการจีนเองเรียกร้องว่า ขณะนี้ถึงเวลาสมควรแล้ว ที่จะขยายช่วงการเคลื่อนไหวของค่าเงินหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยชี้ว่า การที่จีนลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และยุโรปทำให้ผลกระทบต่อการส่งออกจากการเพิ่มการยืดหยุ่นค่าเงินหยวนลดลง
ขณะที่นาย จาง หมิง นักเศรษฐศาสตร์ประจำสถาบันสังคมศาสตร์ของจีนระบุว่า ความโกลาหลในตลาดโลกเมื่อเร็ว ๆ นี้ เป็นโอกาสสำหรับจีน ที่จะปล่อยให้ค่าเงินหยวนเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากขึ้น และส่งเสริมสถานภาพของเงินหยวนในฐานะสกุลเงินสากล