ศาลไต้หวันตัดสินอดีตมือขวาเฉิน สุยเปี่ยน พ้นโทษยักยอกเงินฯ

เอเอฟพี - ศาลไต้หวันตัดสิน (30 ส.ค.) ว่า อดีตมือขวาของเฉิน สุยเปี่ยน อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน ไม่มีความผิดในคดียักยอกเงินกองทุนสำหรับกิจการระหว่างประเทศ ระหว่างที่นายเฉิน ดำรงตำแหน่งฯ

ศาลกรุงไถเป่ย (ไทเป) ได้ตัดสินให้ นายชิว อี้เหริน อดีตผู้อำนวยการสำนักความมั่นคงแห่งชาติ พ้นผิดจากข้อหายักยอกเงินจำนวน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเงินที่ใช้ในกิจการระหว่างประเทศของไต้หวันในปี 2548 เนื่องจากไม่มีหลักฐานพิสูจน์ชัดว่าเงินดังกล่าวอยู่กับใคร

นอกจากนี้ ศาลฯ ได้ตัดสินให้ เกา อิงเหมา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศไต้หวัน พ้นผิดจากข้อหาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการยักยอกเงินดังกล่าว

ศาลฯ ยังได้พิจารณาว่านายเฉินไม่มีความผิดในข้อหาใช้เงินจากกองทุนสำหรับกิจการระหว่างประเทศโดยมิชอบระหว่างภารกิจการเยือนต่างประเทศ ในช่วงที่นายเฉินดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

คำตัดสินครั้งนี้นับเป็นชัยชนะทางกฎหมายล่าสุดของนายเฉิน และอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเฉิน สุยเปี่ยน ซึ่งในขณะนี้นายเฉินกำลังใช้โทษจำคุก 17 ปี 6 เดือน ในข้อหารับสินบน 2 คดี

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลสูงไต้หวันได้ตัดสินให้นายเฉิน สุยเปี่ยน และนางอู๋ ซู่เจิน ภรรยาของเฉิน พ้นผิดจากคดียักยอกเงินหลวง อย่างไรก็ตาม ศาลฯ ได้ตัดสินให้ทั้งคู่ ต้องโทษจำคุกเพิ่มอีกคนละ 2 ปี 10 เดือน ในข้อหาฟอกเงินและใช้ใบเสร็จรับเงินปลอมสำหรับอ้างเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษประธานาธิบดี

นอกจากนี้ ศาลฯ ได้ตัดสินจำคุกนางอู๋ อีก 9 ปี ฐานมีส่วนพัวพันกรณีติดสินบนโครงการก่อสร้างหอแสดงนิทรรศการหนานกั่งในชานกรุงไถเป่ย (ไทเป)

อนึ่ง เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2552 อดีตประธานาธิบดีเฉิน สุยเปี่ยน ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ในความผิดยักยอกเงินของรัฐ ใช้ตำแหน่งหน้าที่กอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัว, ปลอมแปลงเอกสาร, รับสินบน และฟอกเงิน และอู๋ ซู่เจิน ภรรยาผู้พิการของอดีตประธานาธิบดีเฉิน ได้ถูกศาลในตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในเดือน ก.ย.เช่นกัน พร้อมปรับ 300 ล้านเหรียญไต้หวัน (9.1 ล้านเหรียญสหรัฐ) และริบสิทธิสาธารณะตลอดชีวิต ในความผิดคล้ายคลึงกันกับสามี นอกจากนี้ เฉินและครอบครัวของเขาถูกปรับรวมกว่า 800 ล้านเหรียญไต้หวัน

ต่อมา เฉิน สุยเปี่ยน ได้รับการลดโทษจำคุกเหลือ 17 ปี 6 เดือน ในความผิดรับสินบนในกรณีคอร์รัปชันหลายกรณี ขณะที่ภริยาของเฉินที่พิการอยู่บนรถเข็นก็ได้รับการลดโทษจำคุกเช่นกัน

เฉินยืนยันว่า การที่เขาถูกพิพากษาและจองจำ เป็นเพราะความผูกใจเจ็บของรัฐบาลไต้หวันปัจจุบันที่โอนเอียงไปเป็นมิตรกับจีน และเป็นการตอบโต้ทางการเมืองซึ่งในช่วงที่เฉินดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี (2543-2551) เฉินดำเนินนโยบายเรียกร้องอิสรภาพให้กับไต้หวันมาโดยตลอด

ทั้งนี้ มีเพียง 23 ชาติที่ยอมรับไต้หวันว่ามีอิสรภาพในการปกครองตนเอง ขณะที่ความสัมพันธ์จีนและไต้หวันย่ำแย่สุด ในช่วงที่เฉิน สุยเปี่ยน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2543-2551 จีนและไต้หวันต่างถูกกล่าวหาว่าให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน เพื่อหลอกล่อให้ชาติพันธมิตรของแต่ละฝ่ายออกห่างจากอีกฝ่าย