โฟกัสไต้หวัน นิวส์ / เอเอฟพี - ศาลสูงไต้หวันพิพากษาโทษจำคุกนายเฉิน สุยเปี่ยน อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน เพิ่มอีก 2 ปี 10 เดือน ฐานฟอกเงินและปลอมเอกสาร ขณะที่ตัดสินให้พ้นจากข้อหายักยอกเงินรัฐ
ศาลสูงไต้หวันได้พิพากษาคดียักยอกเงินหลวงของนายเฉิน สุยเปี่ยน อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน ว่าไม่มีความผิด ซึ่งศาลฯพิจารณาว่านายเฉินใช้เงินหลวงโดยผ่านการไตร่ตรองระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฯเมื่อปี 2543-2551
อย่างไรก็ตามศาลฯได้ยืนยันคำตัดสินเดิมว่านายเฉิน มีความผิดจริงจากกรณีการใช้ใบเสร็จรับเงินปลอมสำหรับอ้างเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษประธานาธิบดี ซึ่งในข้อหานี้ศาลฯได้พิพากษาโทษจำคุกเพิ่มอีก 20 เดือน แต่ลดโทษเหลือ 10 เดือน ตามระเบียบการลดโทษพิเศษ นอกจากนี้ศาลฯได้ยืนยันคำพิพากษาในคดีฟอกเงินของนายเฉินว่ามีความผิดจริง และได้ตัดสินโทษจำคุกเพิ่มอีก 2 ปี พร้อมปรับเงินอีก 3 ล้านเหรียญไต้หวัน อย่างไรก็ตาม นายเฉินยังสามารถยื่นอุทธรณ์ได้
ขณะเดียวกัน ศาลไต้หวันได้ตัดสินให้นางอู๋ ซู่เจิน อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งไต้หวัน พ้นผิดจากข้อหายักยอกเงินหลวงเช่นกัน แต่พิพากษาโทษจำคุกนางอู๋เพิ่มอีก 20 เดือนจากความผิดฐานปลอมใบเสร็จฯ โดยศาลฯได้ลดโทษให้เหลือ 10 เดือนเช่นกัน สำหรับคดีฟอกเงิน ศาลฯได้ตัดสินให้นางอู๋จำคุกเพิ่มอีก 2 ปีด้วย
นอกจากนี้ ศาลฯได้ตัดสินจำคุกนางอู๋อีก 9 ปี ฐานมีส่วนพัวพันกรณีติดสินบนโครงการก่อสร้างหอแสดงนิทรรศการหนานกั่งในชานกรุงไถเป่ย(ไทเป) นอกจากนี้จากศาลฯได้ชี้ว่าจากคำพิพากษาทั้งหมด ทำให้นางอู๋อาจต้องชดใช้โทษจำคุกเป็นเวลา 11 ปี 6 เดือน อีกทั้งถูกปรับ 22 ล้านเหรียญไต้หวัน พร้อมทั้งถูกริบสิทธิสาธารณะ 5 ปี อย่างไรก็ตามนางอู๋ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฯได้
ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าศาลสูงไต้หวันได้สั่งให้นายเฉินและภรรยาคืนเงินที่ยักยอกไปจำนวน 6.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีก 100 ล้านเหรียญไต้หวัน(ราว 3.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
พร้อมกับเผยว่า ศาลฯได้ตัดสินจำคุก 14 เดือนนายเฉิน จื้อจง (บุตรชาย) และรอลงอาญา 4 ปี นางหวง รุ่ยจิ้ง (ลูกสะใภ้ ) เนื่องจากเกี่ยวพันกับคดีฟอกเงินด้วย
เย่ หลิง ทนายความของเฉิน เผยว่า “เฉินขอบคุณศาลฯที่ให้ตนพ้นจากข้อกล่าวหาคอรัปชั่นเงินหลวง และจะยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อไป”
กลุ่มผู้สนับสนุนนายเฉิน สุยเปี่ยน ได้มารวมกันระหว่างที่นายเฉินกำลังเข้าห้องพิจารณาคดีที่ศาลสูงในกรุงไทเป พร้อมตะโกนว่า “เฉิน สุยเปี่ยน บริสุทธิ์” และ “ท่านประธานาธิบดี ดูแลตัวเองด้วย” นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้สนับสนุนนายเฉินที่อยู่นอกหลายสิบคนชูป้ายว่า “เฉิน สุยเปี่ยน ไม่ผิด” และ “หม่า อิงจิ่ว ออกไป”
ทั้งนี้ ในการไต่สวนคดีครั้งแรกเมื่อเดือนก.ย.2552 ศาลไต้หวันได้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิตแก่นายเฉินและภรรยา ในความผิดกรณีคอร์รัปชันเงินหลวงหลายกรณี นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ดินหลงถันซึ่งพวกเขารับสินบน 300 ล้านเหรียญไต้หวัน จากกู เฉิงอวิ่น หรือเลสลี่ กู ประธานบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไต้หวันซีเมนต์ กรณีติดสินบนโครงการก่อสร้างหอแสดงนิทรรศการหนานกั่ง และกรณีรับเงินสินบน10 ล้านเหรียญไต้หวันจากเฉิน หมิ่นซวิน หรือไดอาน่า เฉิน อดีตประธานบริษัทไถเป่ย ไฟแนนเชียล เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของตึกไทเป 101 แต่หลังจากอุทธรณ์ ศาลฯได้ลดโทษจำคุกพวกเขาเหลือ 20 ปี และริบสิทธิสาธารณะคนละ 10 ปี
เมื่อเดือนพ.ย.2553 ศาลสูงสุดไต้หวันได้ไต่สวนคดีที่ดินหลงถันและคดีไดอาน่า เฉิน อีกครั้ง โดยครั้งนี้ตัดสินโทษจำคุกนายเฉินและภรรยาเหลือ 17 ปีครึ่ง อย่างไรก็ตามศาลฯได้สั่งให้มีการไต่สวนคดีใหม่ ได้แก่ คดียักยอกเงินรัฐ คดีฟอกเงิน และคดีติดสินบนโครงการก่อสร้างฯ
นางอู๋ ซึ่งถูกรถบรรทุกชนเป็นอัมพาตท่อนล่างและต้องนั่งเก้าอี้คนพิการ ได้รับการละเว้นรับใช้โทษเนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ แต่ก็ถูกสั่งห้ามออกจากบ้านที่พัก และเดินทางออกจากไต้หวันโดยมิได้รับอนุญาต นอกจากนี้ กลุ่มอัยการก็จะคอยสุ่มดำเนินการและตรวจสอบการเคลื่อนไหวของเธอ
อนึ่ง เฉินมองว่า การที่เขาถูกพิพากษาและจองจำ เป็นเพราะความผูกใจเจ็บของรัฐบาลไต้หวันปัจจุบันที่โอนเอียงไปเป็นมิตรกับจีน และเป็นการตอบโต้ทางการเมืองซึ่งในช่วงที่เฉินดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี (2543-2551) เฉินดำเนินนโยบายเรียกร้องอิสรภาพให้กับไต้หวันมาโดยตลอด