เอเยนซี - สี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีจีน ที่ใคร ๆ ก็เล็งว่าจะได้นั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศต่อจากหู จิ่นเทา เมื่อวันศุกร์ (19 ส.ค.) ได้แถลงในช่วงวันที่ 3 ของการมาเยือนของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจอเมริกา พร้อมเตือนว่าการเมืองสหรัฐฯวุ่นวายส่งผลกระทบต่อการค้า
สี จิ้นผิง แสดงความเห็นในที่ประชุมผู้นำนักธุรกิจอเมริกา-จีน ซึ่งโจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้ ไบเดน พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ตลอดการเยือนจีน 5 วัน หลังสหรัฐฯ ถูกลดเครดิตหนี้ฯ
รองประธานาธิบดีสี ผู้ที่เป็นที่จับตาว่าจะขึ้นแท่นประธานาธิบดีจีนในปี 2555 ก็ได้แถลงในครั้งนี้ ก่อนที่ไบเดนจะได้พบปะกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีนเป็นลำดับต่อไป
สี ชี้ว่า “เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงมีความยืดหยุ่น ฟื้นฟูได้ ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถพัฒนาได้มากขึ้นและสามารถข้ามพ้นอุปสรรคไปได้”
“เราหวังว่า นักธุรกิจของ 2 ประเทศ จะยังคงเชื่อมั่นและทำงานเพื่อเอาชนะปัญหา เพื่อสร้างโอกาสและก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนการผลิตสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาให้ได้”
สี ยังพูดด้วยว่า เศรษฐกิจจีนอาจจะไม่ประสบภาวะดิ่งลงอย่างรุนแรง หรือฮาร์ด แลนดิ้ง พร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐฯล้มเลิกข้อจำกัดทางการค้า และให้การปฏิบัติที่เป็นธรรมต่อบริษัทจีนด้วย
สีว์ ชี้ว่า “สหรัฐฯและจีนควรจะไม่ให้เรื่องการเมืองหรือปัญหาอ่อนไหวใด ๆ มากระทบกับการค้า”
ความเห็นที่ประนีประนอมของสี จิ้นผิง เปรียบเทียบกับของสื่อจีนแล้ว ถือว่าค่อนข้างรักษาน้ำใจ ก่อนหน้านี้สื่อจีนรุมโจมตีผู้นำสหรัฐฯ ว่าขาดความรับผิดชอบหลังจากสหรัฐฯใกล้มาถึงจุดผิดนัดชำระหนี้ จนทำให้ต้องเพิ่มขยายเพดานหนี้ฯ ในต้นเดือนนี้ฯ กอปรกับบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ปรับลดความน่าเชื่อถือหนี้ฯ ของสหรัฐฯลง
ในการพบปะวานนี้ (18 ส.ค.) ไบเดนแถลงว่า “ผมมั่นใจเต็มที่ว่า เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของโลกขึ้นอยู่กับความร่วมมือของสหรัฐฯและจีนเป็นสำคัญ”
การเยือนในครั้งนี้ของไบเดน เป็นส่วนหนึ่งของการกระชับสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับผู้นำรุ่นต่อไปของจีน ในฐานะประเทศอันดับ 1 และ 2 เศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก
อย่างไรก็ตาม จีนก็ยังคงมีปัญหาสิทธิมนุษยชนที่สหรัฐฯใช้เป็นเครื่องมือโจมตีกันอย่างไม่ลดละ ในสัปดาห์นี้สหรัฐฯก็เรียกร้องให้จีนปล่อยตัวนักกฎหมาย เกา จื้อเซิ่งผู้เรียกร้องปกป้องสิทธิ์ให้ชาวคริสเตียนและชาวเหมืองแร่ ที่รัฐบาลจีนกักตัวไว้
แต่อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของการเยือนจีน ก็ยังคงเป็นเรื่องการลงทุนมากกว่า
จีนเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมูลค่า 1.17 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อสิ้นเดือนมิ.ย.